ยิงสนั่นดวลปืนชิงทอง! โจรพลาดถูกตำรวจยิงแม่นเจาะคอ อึ้งหิ้วตะกร้ามาโกยทอง

จากกรณีที่มีคนร้ายเป็นชาย บุกเข้าไปใช้ปืนจี้ชิงทองภายในร้านทองเยาวราชบางกอก ในตลาดมารวย ตำบลบ้านคลองสวน อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ โดยได้ทองส่วนใหญ่เป็นแหวนทองคำน้ำหนักกว่า 174 บาท มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท

หลังก่อเหตุกำลังจะหลบหนี แต่ประตูกระจกล็อกอัตโนมัติ ทำให้คนร้ายชักปืนที่พกมายิงใส่กระจก จำนวน 4 นัด เพื่อหลบหนี

แต่จังหวะนั้น ตำรวจสายตรวจสภ.สาขลา ที่เข้าเวรและนั่งกินข้าวในตลาดดังกล่าว ได้ยินเสียงจึงเดินออกมาดู พอคนร้ายรายนี้จอตำรวจจึงกราดยิงใส่หลายนัด เพื่อหวังเปิดทางหนี แต่กระสุนไม่ถูกใคร และถูกตำรวจสายตรวจชักปืนพกประจำกาย ยิงสวนใส่คนร้ายในจังหวะที่คนร้ายกำลังคร่อมรถจักรยานยนต์
หลบหนี ทำให้กระสุนที่ตำรวจยิงสวนไปนั้น พุ่งเข้าท้ายทอยของคนร้ายจนล้มลงได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุตำรวจสายตรวจจึงวิทยุขอกำลังและประสานรถพยาบาลเข้าให้ความช่วยเหลือคนร้ายรายนี้ส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงโดยเจ้าหน้าที่ต้องใส่กุญแจมือกับคนร้ายด้วย

ภายหลังทราบชื่อคนร้าย คือ นายบุตรปิยะ อายุ 34 ปี

เมื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่า คนร้ายสวมเสื้อแขนยาวสีส้ม หมวกกันน็อกเต็มใบ ขี่จักรยานยนต์จอดหน้าร้านทอง

ขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุม บันทึกภาพของคนร้าย เข้ามาในร้านทอง ก่อนจะชักปืนออกมาแล้วบังคับให้พนักงานในร้านหยิบทองใส่ในตะกร้า แต่พนักงานก็พยายามเดินหนีเข้าหลังร้าน แล้วล็อกประตูหน้าร้านเอาไว้

จากนั้นคนร้ายจึงใช้ปืนยิงใส่ประตูกระจกเพื่อเปิดทางหนี ก่อนจะใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงใส่ตู้ทองแล้วกวาดเอาทองในตู้ออกไปก่อนจะพยายามหลบหนี

แต่ระหว่างนั้นมีตำรวจของ สภ.สาขลา เข้าระงับเหตุ และพยายามบอกให้คนร้ายหยุด แต่ทางคนร้ายได้ยิงสวนมาอีก จึงทำให้ตำรวจรายหนึ่งต้องยิงใส่คนร้ายเพื่อระงับเหตุ จนคนร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส

จากการสอบถามนางสาวปรีดา อายุ 49 ปี แม่ค้าในตลาดคนที่เกือบถูกยิง เล่าว่า ด้วยความที่ด้านหลังร้านขายข้าวต้มมีดของตนเองตั้งอยู่ตรงข้ามกับร้านทอง ตอนที่เกิดเหตุไได้นั่งหันหลังให้กับร้านทอง ขณะที่ได้ยินเสียงปืนจึงคิดว่าเป็นเพียงเสียงหม้อแปลงในตลาดระเบิดเท่านั้น 

พอทราบเหตุการณ์จึงพยายามวิ่งหนีเข้าที่ปลอดภัยก่อนที่คนร้ายจะถูกตำรวจยิงจนได้รับบาดเจ็บ พอตนเองกลับมาที่ร้านก็เห็นว่า พัดลมของเธอหยุดทำงาน และมีรอยกระสุนที่ฝาครอบด้านหลัง จึงทำให้รู้ว่าตอนที่คนร้ายยิงกระจกหน้าร้านวิธีกระสุนเข้ามาที่ด้านหลังเธอพอดี แต่โชคดีที่มีพัดลมบังเอาไว้ให้ เพราะไม่อย่างนั้นหน้าจะถูกกระสุนปืน ได้รับบัตรเจ็บหรือเสียชีวิตไปแล้ว โดยเชื่อว่าที่เธอรอดมาเป็นบารมีของเหรียญรัชกาลที่ 5 หลังครุฑที่เธอห้อยไว้ประจำ และทุกครั้งที่มาขายของก็จะไหว้เจ้าที่ทุกวัน

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้สอบถาม นายลอย อายุ 57 ปี คนเห็นเหตุการณ์ เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่ข้างร้านทอง ซึ่งตอนนั้นก็ไม่มีอะไรที่น่าสงสัย เพราะทางคนร้ายก็เหมือนลูกค้าในตลาดคนหนึ่งที่เข้ามาซื้อของตามปกติ จากนั้นคนร้ายก็ได้เดินเข้าไปในร้านทองเหมือนกับลูกค้ารายหนึ่ง ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้นสองนัดแล้วคนร้ายก็ได้เข้าไปหยิบทองในตู้ออกมา

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้สอบถามเรื่องนี้กับสิบตำรวจโทตฤณ ทรงการุณ นายตำรวจที่เช้าระงับเหตุ ได้เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า ที่ต้องตัดสินใจยิงคนร้ายเพื่อระงับเหตุเพราะคนร้ายมีอาวุธปืน แล้วได้ยิงในร้านทองมากกว่า 8 นัด และพยายามจะยิงต่อสู้กับตำรวจ อีกทั้งยังได้หันกระบอกปืนไปทางผู้คนในตลาดด้วย จึงต้องตัดสินใจยิงใส่คนร้ายเพื่อระงับเหตุ เพราะไม่อยากให้มีการสูญเสียไปมากกว่านี้ ซึ่งตอนที่ยิงนั้นส่วนตัวไม่ได้หมายจะเอาชีวิตเพียงแค่ต้องการจะระงับเหตุการณ์เท่านั้น เพราะหลังจากที่ยิงเสร็จตนเองรวมถึงวินมอเตอร์ไซค์ก็ได้เข้าไปช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น และพยายามสอบถามคนเจ็บว่ายิ่งโดนตรงไหน ตามยุทธวีธีที่ตนเองถูกฝึกมา

หลังจากเกิดเหตุส่วนตัวก็ไม่ได้เสียกำลังใจเพราะถืว่าทำตามหน้าที่และประชาชนไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ และทางผู้บังคับบัญชาก็ได้ให้กำลังใจกับตนเช่นเดียวกัน

ด้านพันตำรวจเอกโชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ยืนยันว่าสิ่งที่สิบตำรวจโทตฤณ ตัดสินใจทำแบบนั้นถูกต้อง และเป็นไปตามยุทธวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสีย แต่ในทางกฎหมายเบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหากับสิบตำรวจโทตฤณ ในฐานความผิดข้อหาพยายามฆ่า ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทองตอนนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใดๆเพราะยังอยู่ระหว่างการรักษาตัว

ดวลปืนชิงทองจุดจบคาที่!