ย้อนคดี "มัลลิกา" ฆาตกรต่อเนื่องหญิงของอินเดีย ทำทีตีสนิท ใช้ความใจดีลวงเหยื่อให้ตายใจ ก่อนยกเค้าทั้งบ้าน พร้อมใช้ "ไซยาไนด์" พรากชีวิตเหยื่อ ถูกติดสินประหาร แต่ได้ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต

วันที่ 28 เม.ย.66 หลังจากเกิดเหตุคดีสะเทือนขวัญอย่าง "แอม ไซยาไนด์" ที่ใช้สารเคมีอย่าง "ไซยาไนด์" ผสมลงในอาหาร หรือยาให้เหยื่อทาน โดยพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดเผยว่า แรงจูงใจของผู้ต้องหารายนี้ชัดเจนคือต้องการ "ฆ่าล้างหนี้" จนกลายเป็นเหตุสลดจาก "วงแชร์มรณะ" สู่ "ฆาตกรต่อเนื่อง"

อย่างไรก็ตามวานนี้ (27 เม.ย.66) เพจดังอย่าง Drama-addict ได้ออกมาเผยแพร่อีก 1 คดีที่เรียกได้ว่าคล้ายคลึงกับคดี "แอม ไซยาไนด์" เป็นอย่างมาก โดยระบุว่า "ไซยาไนด์ มัลลิกา ฆาตกรต่อเนื่องหญิงรายแรกของอินเดีย ชื่อจริงของเธอคือ เค.ดี.เคมปามมะ รูปร่างหน้าตาภายนอก เธอก็ดูเหมือนหญิงวัยกลางคนทั่วไปที่ร่าเริงใจดี แต่สิ่งที่เธอทำลงไป สุดจะน่าสะพรึง

เหตการณ์นี้เกิดขึ้นที่บังกาลอร์ ประเทศอินเดีย ในช่วงปี พ.ศ. 2541-2550 มีผู้หญิงอินเดียหลายรายเสียชีวิตอย่างผิดปกติที่บริเวณชานเมือง นั่นคืออยู่ ๆ ก็เสียชีวิต โดยไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศใด ๆ ยิ่งสามรายหลัง เกิดขึ้นในช่วงกระชั้นชิดกันมาก คือสามเดือน ปาเข้าไปห้าศพ

ตำรวจจึงเข้ามาทำการสอบสวนอย่างจริงจัง จนกระทั่งพบผู้ต้องสงสัย คือ เคมปามมะ เธอเป็นคนอินเดียที่เกิดมาในครอบครัวฐานะยากจน ซึ่งนั่นทำให้เธออยากร่ำรวย อยากมั่งคั่ง โดยไม่สนใจวิธีการ

เมื่อเข้าสู่วัยสาวเธอแต่งงานกับสามีที่เป็นช่างตัดเสื้อมีลูกกับสามีคนนี้สามคน ฐานะความเป็นอยู่ ยังไม่ถือว่าร่ำรวย เธอก็เลยไปตั้งกองทุน (เท่าที่อ่านรายละเอียด ถึงชื่อจะเรียกว่า กองทุน แต่รูปแบบคล้าย ๆ วงแชร์บ้านเราอ่ะ) แล้วไปชวนคนแถวบ้านมาร่วมลงทุนปรากฏว่าเจ๊งบ๊ง ผัวก็หนีไปเพราะเธอเจ๊ง ทิ้งลูกสามคนไว้ให้เธอเลี้ยงดู เธอก็ไปรับจ๊อบเป็นคนรับใช้ในบ้านคนมีเงิน ซึ่งเธอก็แอบขโมยของในบ้านคนมีเงินเหล่านั้นไปขายหาเงินใช้เรื่อย ๆ

แต่จุดเริ่มต้นของการก่อเหตุคือ เธอสังเกตว่ามีผู้หญิงมาไหว้พระที่วัดแถวบ้านเธอบ่อย ซึ่งส่วนมากผู้หญิงที่มาวัดก็มักจะมีปัญหาชีวิต ต้องการหาที่พึ่ง เธอจึงเข้าไปตีสนิทกับผู้หญิงเหล่านั้น ชวนคุย ซักปัญหาชีวิต และช่วยให้คำแนะนำ จนเหยื่อเริ่มไว้วางใจ และบอกเหยื่อว่า เดี๋ยวจะพาไปทำพิธีกรรมแนว ๆ แก้เคล็ด ล้างซวยให้ถึงบ้าน พอไปทำพิธีที่บ้าน ระหว่างเหยื่อกำลังเผลอ เธอก็ยกเค้าบ้านเหยื่อ แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด มีเหยื่อที่จับเธอได้คาหนังคาเขา ตอนเธอกำลังยกเค้า เลยเรียกตำรวจมาจับ จนโดนคุกไปหกเดือน

หลังออกจากคุกมา เธอก็ยังทำแบบเดิม เพิ่มเติมคือไซยาไนด์ คือรอบนี้ ไม่ได้แค่ยกเค้าอย่างเดียวแล้ว แต่เธอผสมไซยาไนด์ในน้ำและอาหารให้เหยื่อกินระหว่างที่กำลังทำพิธีแก้กรรม โดยไซยาไนด์ที่เธอได้มานี่ ก็ไปฉกมาจากร้านขายเครื่องประดับ ที่เขาใช้สารเคมีพวกนี้ในการทำความสะอาดอัญมณี

เหยื่อแต่ละคนที่โดนมีจุดร่วมกันคือเป็นหญิงที่มาไหว้พระที่วัด เพราะกำลังมีปัญหาชีวิต บางคนก็มีปัญหาครอบครัว บางคนอยากมีลูก สุดท้ายพอเจอป้าหน้าตาใจดี เข้ามาชวนคุยแบบมีมิตรไมตรี ก็ไว้ใจ สุดท้ายก็ถูกกรอกไซยาไนด์ตาย แล้วขโมยทรัพย์สินเหยื่อไปใช้ หลังถูกตำรวจจับกุม มีญาติของผู้สูญหายอีกห้าคนเข้าให้การว่าญาติของเขาอาจจะถูกเคมปามะฆ่าตายเหมือนกัน เพราะทั้งห้าคนรู้จักกันเคมปามะและพบกับเคมปามะก่อนที่จะหายสาบสูญไป

เคมปามะถูกตัดสินประหารชีวิตปี 2555 แต่ได้รับการลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต ปัจจุบันยังใช้ชีวิตอยู่ในคุกที่อินเดีย"