รอดเพราะดูดวง! เพื่อนไม่ขอร่วมลงทุน"แอม" เพราะไพ่ทำนายทำแล้วไม่รุ่ง เผยแอมใช้เงินเก่ง แต่คิดว่าหมุนเงินทัน ขณะที่ตำรวจส่งหลักฐานให้ "อ.อ๊อด"ช่วยตรวจสอบคลี่คลายคดี

เหยื่ออีก 1 คนคือ คุณผุสดี (อ๊อด) ซึ่งเป็น 1 ในวงแชร์มรณะ โดยเสียชีวิตวันที่ 20 พ.ย. 2565 และพบว่าเจอแอมก่อนจะเสียชีวิตเช่นกัน

วันนี้ตำรวจไปเก็บหลักฐานเพิ่ม โดยส่งให้ อ.อ๊อด รศ. ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ภาควิชาเคมีคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไปช่วยตรวจสอบเพิ่มเติมอีกทาง โดยต้องการคลี่คลายคดีให้เร็วที่สุด โดยพบของในตู้เย็น เสื้อผ้า และไปเจอของบางอย่างที่เตียงนอน

นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง8 ได้ไปพูดคุยกับคุณปณฐกาญจน์ เป็นเพื่อนสนิทของแอม โดยบอกว่า เขารู้จักกับแอม โดยแอมชักชวนให้ปล่อยเงินกู้แต่ตัวเองลังเล จึงใช้วิธีการดูดวงไพ่ยิปซีกับตัวเอง ทำนายว่าทำธุรกิจออกมาไม่ดี จึงตัดสินใจไม่ไปยุ่งเกี่ยว และไม่ไปลงทุนด้วย

และเมื่อ 26 มี.ค. 2566 ส่งข้อความให้ดูดวงให้หน่อย แต่ไม่ได้ดูให้

ส่วนข่าวที่ออกมา เชื่อไหมว่าเพื่อนไปก่อเหตุอะไร ส่วนตัวไม่ขอออกความเห็น

แต่ในเรื่องการใช้เงิน เห็นแอมเป็นคนใช้เงินเยอะ แต่คิดว่าหมุนเงินได้

"รู้แต่ว่าเขาทำแชร์อยู่ ปล่อยเงินกู้ แต่ไม่รู้รายละเอียด ที่ผ่านมาไม่เคยพูดให้ฟังว่าใครตาย และไม่เคยเคยพูดเรื่องหนี้สิน เคยบอกแต่ว่าโดนโกงแชร์บ้าง หรือคนที่ยืมเงินไปจะทวงคืนได้ไหม เราปักใจเชื่ออะไรไม่ได้ 50 แล้วกัน อีกทางหนึ่งก็เพื่อนเราซึ่งรู้จักมาก่อน อีกฝ่ายก็เพื่อนเราเหมือนกัน" คุณปณฐกาญจน์ กล่าว 

ทีมข่าวช่อง8 เผย5 กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนางสาวแอม ได้แก่ กลุ่มวงแชร์ , ยืมเงิน , ปล่อยเงินกู้ ,ทำธุรกรรม , กู้ยิมเงินสหกรณ์

ขณะเดียวกันสอบถาม นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส สำนักงานอัยการสูงสุด ระบุถึงเรื่องนี้ว่า ต้องไปสอบดูว่าวงแชร์มีกี่วง และแต่ละคนได้เงินแชรืหรือไม่ โดยคดีนี้เป็นคดีใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นฆาตกรรมต่อเนื่อง

ส่วนที่บอกว่าเสียสติ ในการจิตบกพร่องคือคิดไม่ออกดูไม่เป็น แต่ย้อนกลับไปดูคดีจิตรลดา แต่ขณะที่ทำคิดออกแล้วทำ จิตรลดาฟั่นเฟือนจริงๆ แต่คดีน้องหมูแฮม เขาเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง ถือเป็นคดีฆาตกรรมใหญ่ที่สุดของไทย ถัดจากคดีสมคิดนักฆ่าหมอนวด ดูพฤติกรรมซ้ำๆเหมือนกันหมด การพิสูจน์ความผิดไม่ต้องทำทุกคดี แต่คดีอื่นก็ต้องรื้อฟื้นแต่ทำยาก เพราะไม่ได้ชันสูตรพลิกศพ ซึ่งคดีนี้จะเห็นได้อย่างหนึ่งว่าญาติไม่ติดใจการตาย หรือว่าป่วย เลยทำให้ไม่ได้ชันสูตรอย่างละเอียด แต่ยืนยันต้องสอบคดี2คดีหลังให้ชัด เพื่อพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหา

เมื่อไล่ย้อนไปดูคดีเก่าพบว่าการวางยาไวยาไนด์ เคยมีมาก่อนหน้านี้ โดยเป็นคดีตั้งแต่ปี 2544 โดยผู้ต้องหาคือณัฐกานต์ เป็นอดีตผู้ช่วยพยาบาล วางยาไซยาไนด์ให้กับสามีตัวเอง แล้วให้อดีตสามีทำประกัน 18 บริษัท 20 กรมธรรม์ วงเงิน 40,645,000 บาท โดยพบว่าหลังจากวางยา อดีตสามียังไม่เสียชีวิต และมีอาการวูบขณะขับรถ โดยอดีตสามีกลับมาถึงบ้าน ก่อนจะวางยาซ้ำครั้งที่2ในกาแฟ โดยศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต

แต่หลังจากอดีตสามีเสียชีวิต เธอรีบเผาศพทันที แต่สุดท้ายก้ถูกจับดำเนินคดี เพราะจำนนต่อหลักฐานจนต้องถูกจับดำเนินคดี