เหยื่อรายที่ 8 หญิงสาวเสียชีวิตปั๊มน้ำมันโพธาราม จ.ราชบุรี ป้าทำความสะอาดเผย มากับแอม สังเกตปากซีด บอกกำลังจะไปวัด

นางกะณิกา หรือเอ๊ะ อายุ 44 ปี ผู้เสียชีวิตรายที่ 8 ที่ "แอม" อยู่ใกล้ชิดด้วยเป็นคนสุดท้าย โดยเอ๊ะเสียชีวิตในปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาโพธาราม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โดยผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับป้าแหม่ม ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เวลาประมาณ 12.00 น. วันที่ 12 ก.ย. 2565 ขณะที่ตนกำลังทำความสะอาดห้องน้ำอยู่ พบหญิงสาว 2 คน โดยลักษณะเท่าที่ตนจดจำได้ คนแรกนุ่งกางเกงขาสั้น ผิวคล้ำ รูปร่างอวบ และคนที่สอง สวย ผิวขาว และรูปร่างผอม นอกจากนี้ยังแอบสังเกตเห็นว่าที่ใบหน้าซีดขาวผิดปกติ แต่ก็คิดว่าอาจจะไม่สบาย ซึ่งตนมาทราบชื่อหญิงทั้ง 2 ภายหลังคือ นางแอม และนางกะณิกา

ในระหว่างที่พบกัน ตนได้พูดทักทายกับนางกะณิกา ว่า "คนสวยจะไปไหนกัน" นางสาวกะณิกาตอบกลับมาว่า กำลังจะไปวัดคลองข่อย เพราะได้ยินมาว่ามีเลขเด็ด จากนั้นตนยังพูดกลับไปว่า ถ้าได้เลขแล้วมาบอกกันบ้างนะ ก่อนจะแยกตัวออกไปสั่งอาหาร

คล้อยหลังไม่นานตนได้ยินว่า มีคนเป็นลมอยู่ที่หน้าร้านกาแฟ จึงเดินไปดู ก็เห็นพนักงานส่งอาหารกำลังช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับนางกะณิกา นางแอมยังได้ขอยาดมจากตน ซึ่งเวลานั้นนางกะณิกายังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีสติแล้ว กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิสว่างราชบุรี เข้าช่วยเหลือก่อนนำนางกะณิกาส่งโรงพยาบาลโพธาราม

หลังจากที่ตนทราบข่าวจากสื่อต่างๆ เกี่ยวกับนางแอม ยอมรับว่ารู้สึกตกใจ และสงสารนางกะณิกา ไม่คาดคิดว่านางแอมจะลงมือก่อเหตุจริง เพราะในวันดังกล่าวทุกอย่างดูปกติ

ขณะที่ สามีและลูกสาวของนางกะณิกาได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงเที่ยงของวันเกิดเหตุ (12 ก.ย.65) หลังจากทราบว่านางกะณิกาเสียชีวิต ทางครอบครัวได้รีบเดินทางมาถึงโรงพยาบาลโพธาราม ประมาณ 15.00 น. และได้พบกับนางแอม ในสภาพสวมเสื้อผ้าคล้ายชุดนอนและไม่มีความกังวลหรือรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่มีคนตายต่อหน้าต่อตา เมื่อคิดย้อนกลับไปเวลานั้น ส่วนตัวแล้วมองว่านางแอมเป็นคนรอบจัด รวมถึงตั้งข้อสังเกตว่า ขณะเกิดเหตุทราบมาว่านางแอมใส่ชุดปกติแต่ตอนมาพบที่ รพ. ใส่ลักษณะคล้ายชุดนอน ซึ่งเหมือนกับนางแอมไปล้างตัวเองให้สะอาด

นอกจากนี้ ในช่วงระยะเวลาของงานศพ นางแอมไม่เคยไถ่ถามหรือมาร่วมงานเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้ครอบครัวจะพยายามติดต่ออย่างไร ก็ไม่มีการตอบกลับจากนางแอม

ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า หากมีโอกาสได้พบกับนางแอมอยากจะบอกอะไร สามีผู้เสียชีวิตได้ส่ายหน้า แล้วตอบกลับมาว่า "ไม่อยากเจอหน้า เพราะรู้สึกว่ามันอึดอัดมาก ยังทำใจไม่ได้ และไม่อยากคุยด้วย"

สำหรับทรัพย์สินของนางกะณิกาที่สูยหายไปคือ โทรศัพท์มือถือ เงินสดจำนวนหนึ่ง และสร้อยคอทองคำหลายบาท

ส่วนผู้เสียชีวิตอีกราย เป็นรายที่ 5 คือ ร.ต.อ.หญิง กานดา รองสารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจภูธรไทรโยค จ.กาญจนบุรี เสียชีวิตอยู่ในรถยนต์ เมื่อช่วงวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ขณะจอดอยู่ริมถนนเพชรเกษมขาออกไปกาญจนบุรี โดยทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพคลิปเหตุการณ์วันที่กู้ภัยพยายามช่วยกันงัดรถ เพื่อให้การช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ทันการ

โดยอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์ จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นชุดที่เข้าไปเจอศพของ ร.ต.อ.กานดา บอกว่า พอไปถึงก็พบหญิงสาวนอนหมดสติอยู่ภายในรถ ซึ่งยังคงติดเครื่องอยู่ แต่ชนกับขอบถนนจึงไม่สามารถเคลื่อนรถออกไปได้ ซึ่งตอนนั้นตัวเองมองจากด้านนอกเชื่อว่าเสียชีวิตแล้วจึงรีบแจ้งทางตำรวจให้ช่วยมาตรวจสอบ พร้อมกับช่วยกันเปิดประตูรถ โดยตอนนั้นศพของหญิงสาวรายนี้สวมใส่ชุดกีฬาเหมือนเพิ่งไปออกกำลังกายมา ทันทีที่เปิดเข้าไปเจอศพก็พบว่าไม่มีลมหายใจแล้ว ตอนนั้นตัวเองก็ช่วยกันปั๊มหัวใจ พร้อมกับขอรถจากทางโรงพยาบาลศูนย์เพื่อมาช่วยเหลือต่อ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้

ตอนนั้นคิดว่าเป็นศพเสียชีวิตเหมือนกรณีอื่นทั่วไป และมีการช่วยเหลือกันตามสถานการณ์ ไม่ได้คิดว่าจะเป็นการถูกวางยาหรือฆาตกรต่อเนื่องเพราะสภาพปกติมาก ตามเล็บมือเล็บเท้าแขนขาก็ไม่มีร่องรอยเขียวช้ำหรือร่องรอยอะไร

ขณะที่ ล่าสุด (26 เม.ย. 66) หลังแอมถูกตำรวจจับตัวได้ เจ้าตัวได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และไม่ขอให้การใดๆ เพิ่มเติม รวมทั้งไม่ยินยอมให้เจาะเลือดเพื่อเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ

ส่วนรอง ผกก. อดีตสามีแอม ที่ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี ได้มีคำสั่งย้ายไปปฏิบัติหน้าที่งานสอบสวน สภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม

ด้านหมอกอล์ฟ นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ ได้พูดถึงพิษของไซยาไนด์ ว่าไม่มีรส มีกลิ่นจางๆ คล้ายอัลมอนต์ ไม่มีสี ละลายน้ำได้ดี จึงเป็นเหตุให้มิจฉาชีพผสมในชากาแฟ สุรา เมื่อสูด กิน สัมผัสเข้าร่างกาย จะถูกยับยั้งการหายใจระดับเซลล์ ร่างกายใช้ออกซิเจนไม่ได้ ทำให้เลือดเป็นกรด จึงมีอาการตั้งแต่อ่อนเพลีย สับสน อาเจียน เวียนศีรษะ หมดสติ ยิ่งถ้ากลืนอย่างฉับพลันจะรุนแรงต่อหัวใจ

ดังนั้น ถ้ามีอาการและสงสัย ให้รีบไปรับยาแก้พิษไซยาไนด์ แม้ไม่หาย 100 เปอร์เซนต์ แต่ก็หยุดการแพร่กระจายของพิษได้