รักเป็นพิษ!! จ่าสิบเอกหึงโหด เลิกกับเมียแล้ว ยังตามง้องอน ถึงแม้เมียรักจะมีรักใหม่ มาเจอภาพบาดตาบาดใจ จึงซุ่มยิงผัวใหม่ดับคาอ้อมกอดเมีย
เหตุการณรักสามเส้านี้เกิดขึ้นราว 01.30 น. ของวันที่ 5 เม.ย. 2566 นายบุญฑริกษ์ หรืออ้อม อายุ 51 ปี อาชีพเป็นผู้รับเหมาต่อเติมบ้าน และเป็นช่างเชื่อมเหล็กรายใหญ่ในพื้นที่ ถูกยิงเข้าปลายคาง 1 นัด และเบ้าตาซ้าย 1 นัด ที่บ้านใน ต.หนองหงส์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช บาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
สอบถาม นางราตรี หรืออี๊ด อายุ 35 ปี ภรรยา เล่าว่า คนก่อเหตุยิงคือ จ่าสิบเอกสาธิต ถวาย อายุ 51 ปี ผัวเก่า เป็นทหารสังกัดกองพันทหารช่างที่ 5 กองพลทหารราบที่ 5 ที่เลิกรากันไปได้กว่า 1 ปีแล้ว แต่เพิ่งหย่ากันได้ 1 เดือน มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน อายุ 8 ขวบ
ส่วนนายอ้อม ผู้ตายเป็นผัวใหม่ เพิ่งคบหากันได้ประมาณ 1 ปีกว่า หลังจากเลิกกับจ่าสิบเอกสาธิตแล้ว แต่จ่าสิบเอกสาธิตมักจะตามมาง้อขอคืนดีบ่อยครั้ง แต่เธอไม่ยอมกลับไปคืนดีด้วย เนื่องจากจ่าสิบเอกสาธิตชอบดื่มเหล้า และทุกครั้งที่เมาจะลงมือทำร้ายร่างกายเธอเป็นประจำ จนมีเรื่องขึ้นโรงพักมาแล้ว
ก่อนเกิดเหตุเธอกำลังนอนหลับ และกอดกับนายบุญฑริกษ์ ผัวใหม่อยู่ในห้องนอน โดยมีลูกสาว (ลูกกับจ่าสิบเอกสาธิต) วัย 8 ขวบ นอนอยู่ข้างๆ โดยได้เปิดประตูหน้าต่างทิ้งไว้ เพราะอากาศร้อน คาดว่าผัวเก่าแอบย่องมาตรงหน้าต่างที่เปิดไว้ แล้วใช้ปืนจ่อยิงนายบุญฑริกษ์ ที่นอนหลับอยู่คาอ้อมกอดของเธอ 2 นัด
วันนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุ พบว่า นางราตรี ภรรยาของผู้ตาย ยังอยู่ในอาการช็อก นอนร้องไห้ตลอด โดยมีพี่สาวและเพื่อนๆ ดูแลอย่างใกล้ชิด ยังไม่พร้อมให้ข้อมูลใดๆ กับทีมข่าวได้
เราได้สอบถามคุณมด (นามสมมติ) พี่สาวของนางราตรี ให้ข้อมูลว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านของเธอ ที่นางราตรีน้องสาว และนายอ้อม มาพักอาศัยอยู่ด้วย โดยน้องสาวได้พาเด็กหญิงบี (นามสมมุติ) วัย 8 ขวบ ซึ่งเป็นลูกติดของจ่าสิบเอกสาธิตมาอยู่ด้วยหลังจากทั้งคู่ได้เซ็นใบหย่ากันได้ 1 เดือนที่แล้ว
ก่อนเกิดเหตุ ช่วงเที่ยงวานนี้ (4 เมษายน) จ่าสิบเอกสาธิต ได้เดินทางมารับเด็กหญิงบี เพื่อพาไปเที่ยวในช่วงปิดเทอม กระทั่งช่วง 4 ทุ่ม นายสาธิตขับรถกระบะมาที่บ้านอีกครั้ง โดยพาเพื่อนอีก 2 คนมาด้วย อยู่ในอาการมึนเมา แต่เจ้าตัวไม่ได้ลงจากรถ ให้เพื่อนลงมาแทน มาชวนสามีตนกินเหล้า โดยเพื่อนของจ่าสิบเอกสาธิต ถามสามีตนเองว่า “อี๊ดจะหย่ากับมันจริงๆ เหรอ จบกันแล้วไม่กลับมาแล้วใช่ไหม”
ซึ่งสามีตนเองก็ได้ตอบไปว่า “ไม่รู้ อยู่ที่น้องสะใภ้ตัดสินใจ” ก่อนที่เพื่อนจ่าสิบเอกสาธิต จะหันไปบอกจ่าสิบเอกสาธิตที่นั่งอยู่ในรถว่า “ลงมาได้ และอย่าเอาปืนลงมา” แต่จ่าสิบเอกสาธิตก็ไม่ลงจากรถ และพากันขึ้นรถกระบะขับออกไปทันที
กระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืน ตนเองและสามีได้ออกไปสวนยาง ครอบครัวน้องสาวนอนอยู่ที่บ้าน คาดว่าจ่าสิบเอกสาธิต แอบกลับมาที่บ้าน และซุ่มยิงตรงหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ ตนเองเสียใจมากที่นายอ้อมถูกยิง เพราะก่อนหน้าที่ออกไปกรีดยางได้เตือนทั้งคู่แล้วให้ปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อย
ทีมข่าวได้ไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดช่วงเวลาที่คาดว่าจะเกิดเหตุประมาณ 01.15 - 01.30 น. พบว่า ช่วงเวลานี้ มีรถต้องสงสัยด้วยกัน 2 คัน เวลา 01.16.54 น. พบรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง ขี่ออกมาจากฝั่งถนนบ้านที่เกิดเหตุมุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านไป 1 คัน
เวลา 01.19.00 น. พบรถเก๋ง 1 คัน ขับเข้าไปผ่านบ้านที่เกิดเหตุ
เวลา 01.26.38 น. พบรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อ ขับเข้าไปทางบ้านของที่เกิดเหตุ
และเวลา 01.32.32 น. ได้ยินเสียงคล้ายปืนดัง 1 นัด
ล่าสุดเมื่อช่วงเย็น จ่าสิบเอกสาธิต ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.ทุ่งสง โดยมีผู้บังคับบัญชาที่เจ้าตัวสังกัดอยู่พามา ซึ่งในตอนแรกที่มามอบตัว เจ้าตัวได้สวมเสื้อกีฬาสีเขียวมา และเมื่อเห็นทีมข่าว จ่าสิบเอกสาธิต ได้เปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อกีฬาสีดำ ก่อนจะพยายามหลบนักข่าว แต่ก็ไม่พ้นสายตา
ทีมข่าวพยายามถามจ่าสิบเอกสาธิต ว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงจริงหรือไม่ เจ้าตัวมีสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ได้ตอบคำถามใดๆ กับผู้สื่อข่าว ก่อนที่ตำรวจจะพาเข้าห้องสอบสวนไป
พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เปิดเผยกับทีมข่าว หลังสอบปากคำจ่าสิบเอกสาธิต ว่าเจ้าตัวได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำ และขอต่อสู้ในชั้นศาล โดยให้เหตุผลที่เดินทางมามอบตัวเพราะต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าไม่ได้เป็นคนยิง แม้ว่าทางจ่าสิบเอกสาธิตจะให้การปฏิเสธ แต่ทางตำรวจได้ตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เขม่าดิน ปืนปลอกกระสุนที่ตกอยู่ที่เกิดเหตุ 2 ปลอก รวมถึงพยานแวดล้อมต่างๆ ซึ่งยืนยันว่าจากพยานหลักฐานตอนนี้ น่าเชื่อและมีเพียงพอที่จะเอาผิดจ่าสิบเอกสาธิตได้แล้ว แต่ทั้งหมดอยู่ในสำนวนไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้
คาดว่าในวันพรุ่งนี้ (6 เมษายน) ศาลจะอนุมัติออกหมายจับได้ เบื้องต้นได้ตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนเจ้าตัวจะปฏิเสธอย่างไรเป็นสิทธิ์ และในวันพรุ่งนี้ช่วงเช้า ตำรวจจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลทหารมณฑลทหารบกที่ 43 และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป