เรื่องราวสุดซึ้ง เมื่อสาวคนหนึ่งไปพบเพื่อนชายสมัยมัธยมกลายเป็นคนเร่รอน เธอจึงอาสาพาไปรักษาจนอาการดีขึ้น ฝ่ายชายเปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่ามีปัญหาภายในครอบครัว จนหลงผิดไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจนร่างกายย่ำแย่

วันที่ 5 เมษายน 2566 จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อกโพสต์คลิปเหตุการณ์ขณะเจอเพื่อนเก่าสมัยมัธยมบริเวณข้างถนน ระบุข้อความว่า “เพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยม สิ่งเสพติดทำให้กลายเป็นคนเสียสติ กลายมาเป็นคนเร่ร่อน พวกเพื่อนเพื่อนจะเอามึงไปรักษา ถ้าหายแล้วอย่ากลับมาเป็นแบบนี้อีกนะเพื่อน (จะคอยซัพพอร์ตมึงและให้มึงใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติเพื่อน) #เพื่อนกันตลอดไป"

โดยในคลิปจะเห็นว่าผู้หญิงใส่เสื้อสีดำ จับแขนเพื่อนเก่าที่พบอยู่บริเวณข้างถนน และใช้มือซับน้ำตาไว้ตลอด ส่วนลักษณะเพื่อนเก่าที่พบใส่เสื้อสีดำลักษณะเก่า มีท่าทีอิดโรยและโทรมอย่างเห็นได้ชัด และอยู่ในลักษณะนิ่งไม่พูดไม่จาคล้ายกับจำใครไม่ได้

ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมาพูดคุยกับนางสุวัจนี นามนาเมือง หรือ นุ๊กนิ๊ก อายุ 29 ปี เป็นเพื่อนของชายเร่ร่อนที่ปรากฏในคลิป เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงตีสามของวันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยตนเพิ่งกลับจากมี้ตติ้งเพื่อนเก่าและกำลังกลับบ้านพัก ระหว่างเดินทางกลับผ่านถนนนนทรี แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา และเจอกับนายแบงค์ที่ปรากฏในคลิป เป็นเพื่อนเก่าสมัยมัธยม จึงชวนเพื่อนที่นั่งรถกลับด้วยกันเดินเข้าไปหานายแบงค์

นาทีที่เดินไปหาในแบงค์ ตนก็ร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้สึกตัว เพราะสงสารเพื่อนที่อยู่ในสภาพแบบนี้ เพื่อนจำตนไม่ได้และพูดจาเหมือนไม่รู้เรื่องแล้วไม่ค่อยมีสติ เหมือนคนเบลอๆ และนิ่งไป และแต่งตัวซ่อมซ่อ มีกลิ่นตัวเพราะไม่ได้อาบน้ำ ตอนนั้นตนพยายามสื่อสารกับเพื่อนว่าอยากจะพาไปรักษา พยายามสื่อสารให้เพื่อนเข้าใจว่าจะมารับในวันที่ 5 มีนาคม ช่วง 10.00 น.

ส่วนตัวที่เคยรู้จักกับนายแบงค์ช่วงเรียนมัธยมต้น นายแบงค์เป็นคนเรียนดี ไม่เกเรและนิสัยดี ไม่มีใครคาดคิดว่าในแบงค์จะตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ตนทราบเพียงว่า หลังจบมัธยมต้น นายแบงค์ก็ยังมีสภาพปกติดีไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง มีแฟนสาวและใช้ชีวิตปกติ ซึ่งตอนนั้นต่างคนต่างก็เรียนจบมานานแล้วเลยไม่ได้ติดต่อกัน ทำให้วันที่เจอนายแบงค์อยู่ในลักษณะคนเร่ร่อน ตกใจมากกับการเปลี่ยนแปลงที่จากหน้ามือเป็นหลังมือ

ทราบเพียงว่า ก่อนที่นายแบงค์จะมีพฤติกรรมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ได้ประสบกับวิกฤติในชีวิต เลิกกับแฟนสาว และเจอปัญหาครอบครัว พ่อแม่แยกทางกัน จึงเดินทางผิดไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้มีอาการที่ไม่เหมือนเดิม จึงปรึกษาเพื่อนอีกคน ว่าจะพานายแบงค์ ไปรักษาที่โรงพยาบาล

โดยแพทย์วินิจฉัยอาการระบุว่า ลักษณะอาการของผู้ป่วยบางครั้งมีสติ บางครั้งไม่มีสติ แต่ไม่ได้มีพฤติการณ์ที่จะเข้าทำร้ายใคร จึงจำเป็นต้องรักษาและทานยาอย่างต่อเนื่องถึงจะกลับมาเป็นอาการปกติ จากนั้น ช่วงเย็นวันเดียวกันก็หาบ้านเช่าให้ในแบงค์อยู่บริเวณย่านนนทรี จนเจอเจ้าของบ้านหลังหนึ่งปล่อยเช่าในราคาต่อเดือน 1,500 บาท จึงให้นายแบงค์อยู่ในบ้านพักหลังนี้เพียงลำพัง แต่จะมีนายเก่งคนในตลาดที่คอยดูแลและช่วยเหลือ ซึ่งเธอใช้เงินส่วนตัวช่วยเหลือช่วงแรก

หลังจากนั้นตน ก็จะพูดคุยกันกับนายเก่งที่ดูแลเพื่อนของตนตลอดผ่านทางแชตไลน์ และจะมีการโอนเงินให้เป็นระยะ เป็นเงินที่ตนเพื่อนในกลุ่มและรุ่นพี่ที่รู้จักช่วยเหลือนายแบงค์ เพื่อให้นายเก่งเอาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่และซื้ออาหารมาให้กับนายแบงค์ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่นายเก่งจะต้องพาในแบงค์ไปรักษากับแพทย์

ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมาที่ตลาดแห่งหนึ่งบริเวณซอยย่านนนทรี 2 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา / หลังทราบข้อมูลจากนางสาวนุ๊กนิ๊ก เพื่อนของชายเร่ร่อนว่า นายแบงค์พักอาศัยอยู่ในตลาดแห่งนี้ ระหว่างที่ทีมข่าวกำลังเดินทางเข้าตลาด พบกับนายแบงค์ใส่เสื้อสีเขียว เดินวนไปวนมาอยู่บริเวณปากซอยทางเข้าตลาด จึงรีบไปสอบถาม

และพบว่านายแบงค์ มีลักษณะท่าทางและสภาพการแต่งตัวแตกต่างจากในคลิปอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนายแบงค์มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ขณะที่ได้พูดคุยกับทีมข่าว และเสื้อผ้าก็มีสีสันสดใสและสะอาด ร่างกายไม่ได้อิดโรยและโทรมตามที่ปรากฏในคลิป และจำชื่อตนเองได้ คือ นายธนาคาร อายุ 27 ปี

นายแบงค์ บอกว่า อาการตนดีขึ้นมากแล้ว หลังเพื่อนของตนพาไปรักษา ต่อมาได้สติและจำเพื่อนได้ ก็ได้สำรวจร่างกายตัวเองและรับสภาพตัวเองไม่ได้ที่ซอมซ่อ จึงนำเงินเพื่อนที่ให้ไว้ไปตัดผมและกินอาหารที่มีประโยชน์จนสุขภาพแข็งแรงขึ้น ซึ่งเพื่อนก็ได้ซื้อเสื้อผ้าตัวใหม่ให้ แล้วตนก็ชอบมาก จึงไม่ได้ใส่เสื้อตัวเดิมซ้ำๆ เหมือนที่ผ่านมา ก็อยากขอบคุณนุ๊กนิ๊กและเพื่อนๆ ที่มาช่วยเหลือตน

นายแบงค์ บอกว่า ช่วงโควิดระบาด ตนประสบกับปัญหาหลายอย่าง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องครอบครัว พ่อแม่แยกทางกัน ตนเสียใจมากเลยลาออกจากงานประจำ แล้วพลาดไปยุ่งเกี่ยวยาเสพติด เพราะคิดว่าช่วยทำให้ลืมทุกข์ได้ ทำให้มีอาการป่วยและบางครั้งก็จำอะไรไม่ได้คล้ายคนสติหลุด แต่เคราะห์ดีที่ไม่เคยทำร้ายใคร ตนจำเหตุการณ์ช่วงที่ป่วยไม่ได้ และจำไม่ได้ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง แล้วก็ไม่รู้ตัวขณะเดินเร่ร่อนไปที่ต่างๆ แต่ตอนนั้นรู้แค่ไม่อยากกลับบ้าน แล้วก็ไม่ทราบเหตุการณ์ที่บ้านอีกเลย

ทั้งนี้ แบงค์ยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ตนทราบว่าบ้านพ่อตนอยู่ที่ไหน แต่ตนไม่ขอพูดถึงและไม่ขอบอกที่อยู่บ้านพัก เพราะไม่อยากให้ทีมข่าวไปรบกวนหรือสอบถามพ่อตน ส่วนตัวไม่อยากกลับไปที่บ้านเพราะตอนนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ยืนยันเบื้องต้นไม่ได้ทะเลาะกับพ่อ และก็ไม่ทราบว่าที่บ้านยังอยากให้ตนกลับไปหรือไม่ ขณะที่หากมีหน่วยงานอื่นยื่นมือมาช่วยเหลือตนเพื่อไปรักษาให้อาการเป็นปกติ ตนก็ยินดีเพราะอยากเป็นปกติแล้วกลับไปทำงานได้