"อนุทิน" ยอมรับ "พลเอกประวิตร" พร้อมจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลกับ "พลังประชารัฐ" พร้อมแจงปมฟ้อง "ชูวิทย์" 400 เขต เป็นไปตามกฎหมาย ชี้ปม "สารวัตรคลั่ง" อย่าโทษกัญชา

16 มี.ค.66 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางติดตามการดำเนินงานพร้อมมอบนโยบายให้เขตสุขภาพที่ 7 8 9 และ 10 และพบปะกับ อสม.ในเขตตรวจสุขภาพที่ 7 และ 8 โดยมีผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขให้การต้อนรับ

 

นายอนุทิน กล่าวว่า จากการติดตามการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงสาธารณสุขในเขตสุขภาพต่างๆ ที่ผ่านมา รวมถึง 4 เขตสุขภาพภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันนี้ พบว่ามีความก้าวหน้าทุกพื้นที่ ทั้งการพัฒนาศักยภาพการบริการ การสร้างเสริมสุขภาพให้คนไทยแข็งแรง การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะบริการการแพทย์ขั้นสูงที่ทำได้ภายในเขตสุขภาพ เช่น ผ่าตัดหัวใจ รักษามะเร็ง รักษาโรคหลอดเลือดสมอง รวมถึงการฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม ช่วยลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนได้อย่างมาก ส่วนกัญชาและสมุนไพรไทย มีการต่อยอดจากการใช้ทางการแพทย์ไปสู่ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่หลากหลาย จนสร้างรายได้ให้กับประชาชนรวมหลายร้อยล้านบาท ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นได้เพราะบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และร่วมมือกันทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน

 

นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า กรณีที่มีภาพไปรับประทานอาหารที่บ้านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพราะทำงานด้วยกันมา 4 ปี และใกล้จะมีการเลือกตั้ง พลเอกประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคเป็นแกนนำหลักของรัฐบาลและตนเองก็เป็นหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เราทุกคนมีความเคารพนับถือพลเอกประวิตร ไปรับประทานอาหารบ้านท่านปีละ 4-5 ครั้งอยู่แล้ว ครั้งนี้ถือว่าใกล้ครบวาระเลยชวนกันไปขออาหารกลางวันท่านสักมื้อ ท่านก็อนุญาตให้มา การไปครั้งนี้คุยเรื่องการเมืองแน่นอน ท่านก็ถามเรามีความคิดเห็นอย่างไร จะทำอย่างไรต่อไปในการจะสร้างความร่วมมือกันเพื่อให้เป็นประโยชน์กับบ้านเมืองนั้นคือวัตถุประสงค์ เราร่วมมือกันมา 4 ปีแล้ว ของพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทยร่วมงานกันมาถ้าไม่มีอะไรขัดแย้งกันก็มีโอกาสสูงที่ร่วมงานกันต่อไปทำให้เป็นปึกแผ่นของรัฐบาลเพื่อให้การเมืองมีเสถียรภาพทำให้ภารกิจต่างๆที่ร่วมกันมา 4 ปี ถ้ายังสามารถร่วมงานกันได้อยู่ก็จะสามารถพลัดดันและสานต่อได้ในอนาคต ก็ต้องพูดอะไรเผื่อไว้ก่อน

 

สำหรับการที่จะให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 400 เขตฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ตอนนี้ผมอยู่ต่างจังหวัดยังไม่ทราบรายละเอียด โฆษกพรรคน่าจะแถลงอะไรบางอย่าง ทุกอย่างเป็นไปตามกฏหมาย ผมว่าเรื่องนี้เป็นสิทธิของแต่ละคนคงจะออกมาเป็นมติพรรคไม่ได้ใครเดือดร้อนรู้สึกว่าถูกกระทำ ละเมิดหรือไม่ถูกต้องเป็นสิทธิของแต่ละคน 

 

ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.กิตติกานต์ หรือ สารวัตรกานต์ อายุ 51 ปี ตำแหน่งสารวัตร สังกัดกองบัญชาการตำรวจสันติบาล คลุ้มคลั่งกราดยิง เหตุเกิดภายในบ้านพักบ้านมั่นคง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งภายในห้องพักของสารวัตรกานต์ ปรากฏภาพของกองบุหรี่และวัตถุสีฟ้าคล้ายบ้องกัญชา จนถูกโยงว่า ผู้ก่อเหตุมีการใช้กัญชาจนเกิดอาการทางประสาท

 

นายอนุทิน ยืนยันว่า คุณสมบัติของกัญชาไม่ได้ออกฤทธิ์ไปในทางนั้น หากดูในภาพก็จะเห็นว่า บุหรี่กองเกลื่อน และยังมีของมึนเมาอื่นๆ อีกเยอะแยะ อย่าเพิ่งไปโทษกัญชา สิ่งที่เห็นว่าเป็นท่อนั้นก็ไม่ทราบว่าเป็นบ้องกัญชาจริงหรือเปล่า ในบ้านก็เห็นว่ามีการปลูกกัญชาอยู่ต้นเดียว และไม่รู้ว่าต้นชาที่ปลูกไว้มีอายุเท่าไหร่ ต้องดูรายละเอียดผลชันสูตร เราก็จะทราบข้อเท็จจริง ถ้าดูจากการเสพของมึนเมาจากภาพ ก็อย่าไปโทษกัญชาเลย เอาเป็นว่าเราอย่าให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีก เรื่องของการบำบัดฟื้นฟูผู้ที่มีภาวะสุขภาพจิตที่ไม่นิ่ง ก็จะต้องพยายามรักษาให้ได้มากขึ้น