ชายวัย 61 ตามง้ออดีตเมียสาวแรมปีไม่ได้ผล บุกแทง 15 แผลดับคาร้านพวงหรีด จ.นครสวรรค์

วันที่ 3 มีนาคม 2566 เมื่อเวลา 10.30 น. พ.ต.ท.วุฒิ คงชื่น รอง ผกก.สืบสวน สภ.ท่าตะโก ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายใช้มีดทำร้ายสาวลูกจ้างร้านรับทำพวงหรีดเสียชีวิต บริเวณริมถนนเส้นทางสายท่าตะโก-นครสวรรค์ เขตเทศบาลท่าตะโก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ จึงนำกำลังทีมชุดสืบสวนในสังกัดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับแพทย์เวรโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่กู้ภัยท่าตะโก

ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นหญิงสาวนอนจมกองเลือดกองใหญ่อยู่ที่บริเวณหน้าร้าน ในสภาพร่างกายมีร่องรอยบาดแผลถูกอาวุธมีดทิ่มแทงเข้าที่ร่างกายหลายแห่ง ทั้งบริเวณคอ แขน และหน้าท้อง รวมกัน 15 แผล ซึ่งทราบชื่อผู้เสียชีวิตในเวลาต่อมา คือ น.ส.สำอางค์ อายุ 38 ปี ทางแพทย์เวรจึงได้ร่วมกับกู้ภัยในการชันสูตรศพก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจะสอบปากคำพยานแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์ จนทำให้ทราบตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นแฟนเก่าของผู้ตาย คือ นายจรัส อายุ 61 ปี โดยหลังจากที่คนร้ายก่อเหตุ ได้เดินออกจากร้านหลบหนีไป มีหลักฐานเพิ่มเติมเป็นภาพกล้องวงจรปิดในช่วงก่อเหตุ

จากการสอบถาม น.ส.อัจฉราพร อายุ 34 ปี เพื่อนสนิทคนตาย เล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดว่า ผู้ตายเคยคบหาอยู่กินกับนายจรัส ผู้ก่อเหตุมาได้สักช่วงเวลาหนึ่งก่อนจะเลิกรากันมาได้ประมาณ 5-6 เดือน และผู้ตายก็ได้มีแฟนคนใหม่แล้ว ส่วนนายจรัสยังคงทำใจไม่ได้ จึงเทียวมาหาและพยายามมาง้อขอคืนดีอยู่เรื่อยๆ โดยก่อนที่จะมาเกิดเหตุการณ์สลด นายจรัสได้ว่าจ้างวินมอเตอร์ไซค์ให้มาส่งร้านทำพวงหรีดที่ผู้ตายทำงานอยู่ถึง 3 รอบ ก่อนที่นายจรัสจะตัดสินใจใช้มีดที่พกมาปรี่กระซวก น.ส.สำอางค์ อย่างเหี้ยมโหดต่อหน้าต่อตาผู้คนอื่นๆ ที่ทำงานอยู่ภายในร้าน

“รอบที่ 3 ที่นายจรัสมันมาหาพี่สำอางค์ คนทั้งร้านรวมถึงนายจ้างเห็นคาตาเลย ว่ามันพกปืนมาด้วย และพยายามจะชักออกมายังพี่สำอางค์ แต่จังหวะนั้น พี่สำอางค์แย่งปืนจากมันได้ แล้วก็รีบส่งมาให้หนู เอาไปให้เจ้าของร้านรีบเก็บเข้าไปในร้านเพื่อป้องกันตัว แต่ก็ยังไม่วาย เพราะนายจรัสรีบเดินไปหยิบมีดที่มันซ่อนอยู่ในกระเป๋าย่าม แล้วรีบนำมาไล่แทงพี่สำอางค์ทันที ซึ่งตอนนั้นหนูเห็นอีกที พี่สำอางก็โดนแทงเลือดสาดท่วมตัวไปหมดแล้ว”

เมื่อถามถึงชนวนเหตุที่ทำให้นายจรัสและนางสำอางค์ รักล่ม น.ส.อัจฉราพร ระบุว่า เป็นเพราะในช่วงที่นายจรัส และน.ส.สำอางค์ นายจรัสมักจะชอบใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกาย น.ส.สำอางค์ อยู่เสมอ จนเขาทนไม่ได้จึงขอเลิกและแยกทางกันไป ซึ่งผ่านเวลามานานเป็นปีแล้ว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนได้เก็บรวมรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ พร้อมกับนำอาวุธปืนลูกซองของนายจรัสที่ถูกแย่งได้ นำมาตรวจสอบยังโรงพัก ส่วนตำรวจฝ่ายสืบสวนกำลังกระจายกำลังกันตามไล่ล่าตัวนายจรัสอย่างเร่งด่วนด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม นางมณี แป้นจันทร์ อายุ 68 ปี มารดาของ น.ส.สำอางค์ ได้เดินทางมายังโรงพัก พร้อมกับเปิดใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรีบจับตัวนายจรัสมาดำเนินคดีให้ไว้ที่สุด เพราะหากยังลอยนวลต่อไป เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากก่อนหน้านี้ นายจรัสเคยข่มขู่เอาไว้ว่าจะฆ่ายกครัว จึงหวาดระแวงว่า จะวนเข้ามาก่อเหตุร้ายอีก

เมื่อถามถึง น.ส.สำอางค์ บุตรสาวที่เสียชีวิต นางมณี ระบุว่า เดิมที น.ส.สำอางค์ มีลูกติดเป็นเด็กหญิง 2 คน วัย 17 ปี และวัย 12 ปี เมื่อเลิกรากันสามีคนแรก ก็มาคบหาอยู่กินกับนายจรัสได้ไม่นาน ก็มามีปัญหาทะเลาะกันอยู่เรื่อย ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นเรื่องที่นายจรัสมักจะชอบดื่มเหล้า เมื่อเมาหนักได้ที่ก็จะใช้ความรุนแรง