ด่านกักกันสัตว์สงขลา ฝังทำลายซากเนื้อสุกรของกลางน้ำหนัก 30 ตันลักลอบนำเข้าผิดกฎหมาย ดำเนินคดีผู้ต้องหา 5 ราย

นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์สงขลา หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและปราบปราม สำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 ร่วมกับด่านศุลกากรสะเดา หน่วยสืบสวนปราบปรามสงขลา และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 จับกุมผู้ต้องหา พร้อมของกลาง เป็นซากสุกรแช่แข็งลักลอบจำนวน 30 ตัน หรือ 30,000 กิโลกรัม ซึ่งมีถิ่นกำเนิดจากต่างประเทศ (บราซิล) บริเวณลานขนถ่ายสินค้าในพื้นที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา

เนื่องจากไม่พบเอกสารเกี่ยวกับการผ่านพิธีการศุลกากร รวมทั้งเอกสารใบอนุญาตนำเข้า หรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติพิธีการศุลกากร จากนั้นด่านศุลกากรสะเดา ได้ทำการส่งมอบซากสุกรแช่แข็งของกลางทั้งหมดให้กับด่านกักกันสัตว์สงขลา เพื่อจัดการทำลายซาก หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนทางกฎหมาย

น.สพ.สมชวน กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566​ ภายหลังจากได้รับมอบของกลาง ด่านกักกันสัตว์สงขลา ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากปศุสัตว์เขต 9 ปศุสัตว์จังหวัดสงขลา และศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์เทพา ได้ทำการฝังทำลายซากสุกรแช่แข็งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามพรบ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 และบันทึกข้อตกลงระหว่างกรมปศุสัตว์กับกรมศุลกากร เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีที่มีการจับกุมดำเนินคดีลักลอบนำสัตว์หรือซากสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักร

โดยได้นำซากสุกรไปทำลายตามระเบียบของกรมปศุสัตว์ด้วยการฝังกลบในระดับความลึกไม่ต่ำกว่า 50 เซนติเมตร แล้วพ่นยาฆ่าเชื้อ และฝังกลบทับอีกชั้นในระดับไม่ต่ำกว่า 50 เซนติเมตร เพื่อความปลอดภัย และป้องกันโรคระบาดที่อาจจะปะปนในสัตว์หรือซากสัตว์ที่นำเข้าโดยผิดกฎหมาย

อธิบดีกรมปศุสัตว์​ กล่าวเพิ่มเติมว่า​ เนื้อสุกรที่ลักลอบนำเข้านั้น มีแหล่งผลิตต้นทางมาจากประเทศบราซิล​ ยังไม่ได้ผ่านการตรวจรับรองโดยกรมปศุสัตว์ ซึ่งเสี่ยงต่อการปนเปื้อน ทั้งจากสารเคมี และเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
ทั้งนี้ หากพบการกระทำผิดสามารถแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่แอปพลิเคชัน DLD 4.0 หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225-6888 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง