"สมศักดิ์" รับกลัวซ้ำรอยถูกยุบรอบ 3 ในชีวิตการเมืองที่สุด หลังกกต.ออกกฎการยุบพรรคแบบติดเทอร์โบ ย้ำไม่เปลี่ยนใจหนี "พปชร." โว พรรคได้เป็นรัฐบาลแน่ 95% ชี้ "พล.อ.ประวิตร" หัวหน้าพรรคสดที่สุด ดูได้จากเสื้อผ้า

21 ก.พ. 66 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประธานยุทธศาสตร์พรรคพชังประชารัฐ กล่าวถึงกรณี กกต.ปรับปรุงระเบียบเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมืองในช่วงที่พรรคพลังประชารัฐมีคำร้องอยู่ใน กกต.เรื่องการบริจาคเงินจากนายทุนจีนสีเทา ว่ากกต.เป็นหนึ่งใน 10 หน่วยงานที่จะสามารถปรับปรุงระเบียบกฎหมายในการปฏิรูปประเทศ แต่การประกาศจากเดิมการยุบพรรคจะใช้เวลาตรวจสอบ 3-7 เดือน ก็จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่าเป็นการล่าช้าหรือเร่งรัดเกินไป และยอมรับว่าอาจจะมีผลกระทบต่อพรรคพลังประชารัฐและทุกพรรคการเมือง ที่มีคำร้องอยู่

 

เมื่อถามว่าจะกระทบกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่าต้องถามฝ่ายกฏหมายของพรรคเพราะตนไม่ทราบ พร้อมเล่าว่าตนได้อยู่ในพรรคการเมืองที่ถูกยุบมาแล้ว 2 พรรค คือพรรคไทยรักไทยและพรรคมัชฌิมาประชาธิปไตย และเห็นว่าพรรคการเมืองยุบได้ง่าย หรืออาจมีพลังอะไรบางอย่างหรือเปล่า

 

นายสมศักดิ์ยังคงยืนยันว่ากลุ่มสามมิตรยังคงอยู่พรรคพลังประชารัฐไม่ย้ายไปไหน และทุกการตัดสินใจ การเคลื่อนไหวต่างๆให้เป็นอำนาจของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งทำงานการเมืองร่วมกันมา 30 ปีแล้ว และชี้ว่าช่วงนี้หมดเวลาที่จะลาออกและย้ายพรรค ซึ่งตนยังอยากทำหน้าที่ส.ส.อยู่

 

นอกจากนี้นายสมศักดิ์ยังกล่าวถึงนโยบายในส่วนของสามมิตรว่าหากผู้ใหญ่ของพรรคไม่ถามก็ไม่สามารถบอกได้ แต่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้พยายามเรียกประชุมหลายครั้งแต่ไม่ได้รับความสนใจ ซึ่งส่วนตัวมีนโยบายที่จะนำเสนอ แต่ต้องรอที่ประชุมเห็นชอบ หากพูดไปก่อนแล้วทำไม่ได้ก็จะเสียคน แต่ก็ยืนยันหากได้ไปกระทรวงไหนก็คิดนโยบายได้

 

เมื่อถามว่าแสดงว่าไม่ได้แสดงฝีมือใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวทีเล่นทีจริงว่าวันนี้คงไม่ต้องใช้นโยบายอะไรกันมากมั้ง ก่อนจะหัวเราะและบอกว่าการขับเคลื่อนพรรคทุกวันนี้ใช้นโยบายของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเป็นจุดขาย แต่หากตนได้รับมอบหมายให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงใดก็พร้อมมีนโยบายเสนอเพิ่มเติม เช่น ทำให้คนติดคุกน้อยลง และมีงานทำเมื่อออกจากคุก

 

เมื่อถามว่าอยากเปลี่ยนกระทรวงหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่าเป็นเรื่องอนาคต อย่าพูดไป เดี๋ยวเขาจะพูดว่าเป็นความโลภ โกรธ หลง

 

ส่วนไทม์ไลน์การยุบสภาที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าจะเกิดขึ้นหลังเดือนกุมภาพันธ์ มองว่าการยุบช้าจะมีผลต่อการเลือกตั้งหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่าเป็นเหตุที่เกิดจาก กกต. ที่ออกมาบอกว่าไม่สามารถยุบสภาในช่วงนี้ได้ เนื่องจากมีปัจจัยเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่ตอนนี้มีคำร้องในศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าการแบ่งเขตจะได้ข้อสรุปอย่างไร ตัวเลขยังไม่ลงตัว ต้องใช้ตัวเลขคณิตศาสตร์ในการคำนวน

 

และเห็นว่าไม่ว่าจะยุบสภาช่วงไหนก็มีทั้งคนเสียประโยชน์และได้ประโยชน์ อย่างบางพรรคก็ใช้โซเชียลมีเดียในการหาเสียง และโจมตีคู่แข่ง ส่วนคนที่ไม่มีกำลังมากพออย่างพรรคเล็ก ก็เสียเปรียบ วันนี้สื่อมวลชนมีอิทธิพลมากต่อการเมือง บางคนทำงานเก่งแต่ไม่ได้พูดประชาสัมพันธ์เลย หรืออาจรู้แค่ 3 บ้าน แต่หากประชาสัมพันธ์ก็อาจจะรู้ 3 จังหวัด

 

เมื่อถามถึงการขับเคลื่อนทางการเมืองของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะทำให้การเมืองเปลี่ยนไป นายสมศักดิ์เชื่อมั่นว่าพลังประชารัฐจะเป็นรัฐบาล 95% ซึ่งใครไม่รู้จะไปไหนก็มาอยู่พรรคพลังประชารัฐ พร้อมบอกว่าตอนนี้นักการเมืองยังไม่แบ่งขั้วการเมือง แต่จะรอให้ถึงเวลาหลังจากที่เลือกตั้งเสร็จสิ้น มีส.ส.ในมือแล้วค่อยแบ่ง ซึ่งทุกพรรคล้วนอยากเป็นรัฐบาลทั้งสิ้น แต่ก็ยังไว้ศักดิ์ศรีนิดหน่อย ส่วนพรรคพลังประชารัฐที่หาเสียงสายกลางจะลำบากหรือไม่กับสงครามแบ่งขั้ว นายสมศักดิ์บอกว่าหัวหน้าพรรคได้ทุ่มเท และย้ำว่าหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐสดที่สุด ดูได้จากเสื้อผ้า