หนุ่มเดินเท้าพิสูจน์รักแท้จากนครนายกไปขอสาวที่สตูล ล่าสุดเหลืออีก 100 กิโลเมตรเท่านั้น ลุ้นไปถึงทันวันวาเลนไทน์

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ พร้อมจิต หรือ แมว อายุ 56 ปี ชาว จ.นครนายก เพื่อต้องการพิสูจน์รักแท้ด้วยการเดินเท้าจาก จ.นครนายก เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา เพื่อไปสู่ขอ น.ส.ธนาภา เขียวอ่อน อายุ 56 ปี ชาวอำเภอทุ่งหว้า จ.สตูล ให้ทันในวันที่ 14 ก.พ. ซึ่งตรงกับวันแห่งความรัก หรือวันวาเลนไทน์

ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาลุงแมวได้หยุดพักผ่อนที่จังหวัดตรัง และเช้าวันนี้เข้าร่วมกิจกรรมเดิน-วิ่งการกุศลกับชมรมสตรีคนพิการ จ.ตรัง และรับประทานหมูย่าง ก่อนเดินเท้าต่อไปยัง อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง ซึ่งตลอดสองข้างทางที่เดินทำภารกิจมีบรรดาแฟนคลับและผู้ที่ติดตามความเคลื่อนไหวของนายสุเทพ คอยให้กำลังใจ นายสุเทพ และขอให้เดินทางถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ ขอให้สมหวังกับคนรักที่รอคอยอยู่ที่ จ.สตูล พร้อมชื่นชมถึงความมุมานะอดทนและความตั้งใจจริงของนายสุเทพ

มีชาวบ้านนำข้าวปลาอาหาร ผลไม้และน้ำดื่มมามอบให้อย่างต่อเนื่อง มีโบกไม้โบกมือให้ รอยยิ้มอ้อมกอด การสัมผัสมือ แววตาทุกคู่ เป็นกำลังใจผลักดันให้ผมมาถึงตรงนี้โดยที่ไม่เมื่อย ทำให้ตนเองน้ำตาไหลด้วยความประทับใจ โดยนายนิวัฒน์ ท่องวิถี อายุ 50 ปี ว่าที่เพื่อนเจ้าบ่าว ชาว จ.สุราษฎร์ธานี คอยขับรถซาเล้ง บรรทุกสัมภาระตามหลังมาติดๆ

โดยลุงแมว เล่าว่า ตนได้ติดต่อกันทางติ๊กต็อกมานานกว่า 5 เดือน ซึ่งระยะการเดินทางรวมทั้งหมด 1,200 กิโลเมตร มาถึง จ.ตรัง ซึ่งเป็นจังหวัดสุดท้ายก่อนเข้าสู่ อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล จึงเหลือระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตรเท่านั้น และเป็นการเดินทางถึง จ.ตรัง หลังตั้งเป้าใช้เวลาเดินทาง 1 เดือนเต็ม

ลุงแมวว่าที่เจ้าบ่าว เล่าว่า ส่วนมากก็คุยกันแบบปกติตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ แต่ว่าที่เจ้าสาวก็ทำตัวไม่ถูก เพราะยังไม่เคยเจอแบบนี้ ซึ่งในวันวาเลนไทน์คุยกันว่า ไปเจอกันแล้วก็จดทะเบียนกัน มันเริ่มต้นจากการไม่มีอะไร เรื่องทรัพย์สินไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น ยอมรับได้ทุกอย่าง ขออย่างเดียวคือหัวใจล้วนๆ

ส่วนความกลัวว่าจะไปเจอตัวจริงแล้วไม่ตรงปกนั้น ไม่ใช่ปัญหา เพราะตนขอคู่ชีวิตในบั้นปลาย จะหน้าตายังไงไม่ได้สนใจ หลังแต่งงานกันแล้วเคยคุยกันว่า จะท่องเที่ยวด้วยกันให้ครบทุกอำเภอของประเทศไทย เพื่อเป็นกำไรชีวิต ให้เป็นแบบอย่างกับคนอื่นที่เพลินกับการทำงานจนลืมคำว่าความสุข

ลุงแมว ยอมรับว่า มีหลายคนมีข้อเสนอดีๆ มาให้ สวยๆ ทั้งนั้น แต่ด้วยคำว่าเขาให้โอกาสเรา เราจึงไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะทรยศ แม้วินาทีเดียวก็ไม่กล้าที่จะคิด ส่วนน้ำหนักลดลงประมาณ 10 กิโล ผอมมากจับตรงไหนก็เจอแต่กระดูก จากเดิมหนัก 57 กิโล ตอนนี้น่าจะเหลือประมาณ 40 กว่า แต่ความสุขเยอะมาก

ทั้งนี้ ลุงแมวบอกว่าการเดินทางจากนครนายกมาจนถึงประจวบฯ เงียบเดินทางบรรยากาศไม่คึกคัก พอถึงประจวบฯ มีผู้สื่อข่าวเข้ามามีการตอบรับการต้อนรับที่ดี ยิ่งมาในโซนภาคไต้แทบจะไม่ได้เดิน ได้รับแรงใจเยอะมาก การสนับสนุน จะเป็นของฝาก อ้อมกอด แววตาที่สื่อมาให้เป็นกำลังใจทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อย ไม่รู้สึกร้อน ตนประทับใจและเป็นปลื้มกับคนตรังมาก ๆ เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยเจอแบบนี้

ตนเกิดจากเม็ดทรายก้อนเล็ก ๆ ก่อนหนึ่งซึ่งไม่มีคุณค่าในสายตา พอมาถึงตอนนี้ยอมรับเลยว่า คนตรัง พี่น้องทางภาคใต้ดีมาก ยิ่งมาเจอตรังตนยังไม่ได้ไปไหนมาไหนยังไม่ได้ออกจากเมืองเลย ต้องรับของฝากรับกำลังใจตลอด เป็นเมืองแห่งคนดีจริง ๆ ต้องขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้ตลอดเส้นทาง สำหรับการเดินทางยังเหลืออีก 2 อำเภอที่จะถึงเป้าหมายอำเภอทุ่งหว้า

ทั้งนี้ ลุงแมวให้นิยามความรักว่า ตนเองไม่ทราบว่าคนอื่นจะให้นิยามความรักว่าอย่างไร แต่สำหรับตน “มาแบบทั้งตัวและหัวใจ อยากจะให้ประสบการณ์นี้เป็นที่เตือนสติหลายคนที่กำลังใช้ความรุนแรงกับครอบครัวและคนรัก และคนที่กำลังนอกใจภรรยาหรือสามีก็ช่าง หรือจะทำร้ายจิตใจกันก็ตาม ขอให้คิดถึงวันนี้ และขอให้มันเป็นเครื่องเตือนสติตลอดไปและให้รักกันที่ใจ อยากให้ตรงนี้มากกว่า”