สุดดีใจ!ตร.คืนเก๋งลุงวัย75 ถูกผู้โดยสารหญิงชิงรถไป บอกให้อภัย หลังรู้ว่าป่วยจิต

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ก.พ. พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.ลุมพินี ควบคุมตัวน.ส.กร อายุ 30 ปี ลูกจ้างองค์การบริหารส่วนตำบล อบต.แห่งหนึ่ง ในจังหวัดเพชรบูรณ์ มาสอบปากคำ หลังก่อเหตุ ชิงทรัพย์รถยนต์โตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีดำ ของ นายมงคลรัตน์ ญานะ อายุ 75 ปีไป ขณะเรียกใช้บริการจากบายพาสชลบุรีไปส่งที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (หมอชิต) ช่วงลงด่วนพระราม 4 ก่อนที่จะยื้อแย่งกุญแจรถ และขับรถหนีไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา

สำหรับการจับกุมมีแม่ของน.ส.กร เป็นผู้พาลูกสาวเข้าพบตำรวจ โดยแม่ผู้ก่อเหตุ ให้การว่า รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอนไม่หลับตั้งแต่คืนวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากลูกสาวได้ออกจากบ้านที่จังหวัดเพชรบูรณ์ กระทั่งมาทราบข่าวว่าลูกได้ก่อเหตุชิงรถ ก่อนที่จะประสานตำรวจพาลูกสาวเข้ามอบตัว

ทั้งนี้หลังลูกสาวเรียนจบมหาวิทยาลัยได้เข้าทำงานที่โรงพยาบาลอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ และได้ซื้อรถให้เพื่อใช้ในการเดินทางไปทำงาน แต่เกิดอุบัติเหตุต้องชดใช้ค่าเสียหายให้คู่กรณีเป็นเงินกว่า 2 แสนบาท

จากนั้นลูกเกิดอาการเครียดตนจึงให้ลาออกจากงาน และกลับมาทำงานอยู่ที่ อบต.แห่งหนึ่งที่บ้าน จ.เพชรบูรณ์ ทำได้ประมาณ 2เดือน ลูกมีพฤติกรรมคล้ายคนมีอาการหลอน ป่วยทางจิต เข้าห้องน้ำนาน อ้างว่า มีคนจะมาทำร้ายและชอบดึงผมตัวเอง โดยตนเองมีความคิดว่าจะพาลูกไปรักษาอาการจิตเวช กระทั่งมาทราบว่าลูกได้ไปชิงรถคุณลุง เพื่อขับรถไปจังหวัดเชียงใหม่และขับกลับไปที่เพชรบูรณ์ จึงได้ประสานกับตำรวจเพื่อให้มารับตัว พร้อมยืนยันว่าลูกไม่มีเจตนา แต่เป็นเพราะอาการป่วยทางจิต

แม่ของผู้ก่อเหตุ ให้การว่า ในวันที่ลูกออกจากบ้านที่เพชรบูรณ์ได้ขับรถยนต์ส่วนตัว ไปจอดทิ้งไว้ที่ถนนแจ้งวัฒนะ ซอย 4 แยก 11 ซึ่งเป็นบ้านเพื่อน แต่ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวจอดไว้นานหลายวัน ทางตำรวจจึงเข้าใจว่าเป็นรถยนต์ต้องสงสัย จึงได้ยกไปเก็บไว้ซอยรามอินทรา 5 ทำให้ลูกสาวจำไม่ได้และคิดว่ารถตัวเองขโมย จึงได้ไปก่อเหตุชิงรถคนอื่น เนื่องจากมีอาการเครียด

ด้านนายมงคลรัตน์ เจ้าของรถกล่าวว่า ขณะนี้ยังรู้สึกปวดระบมจากการบาดเจ็บบริเวณด้านซ้ายของลำตัวและขา ตั้งแต่วันเกิดเหตุเพิ่งได้เจอกับผู้ก่อเหตุวันนี้ ได้มายกมือไหว้ขอโทษ หลังจากฟังแม่ของผู้ก่อเหตุเล่าให้ฟัง ตนจึงให้อภัย ไม่คิดถือโทษ โดยในวันเกิดเหตุ ผู้โดยสารได้มีการเรียกใช้บริการให้ไปรับที่ปั๊มน้ำมัน ย่านหนองข้างคอก จ.ชลบุรี แต่เมื่อไปถึงที่นัดหมายกลับไม่เจอผู้โดยสาร จึงได้ลงจากรถและพยายามโทรศัพท์ติดต่อ แต่จู่ๆผู้โดยสารขึ้นไปนั่งที่คนขับรถและอ้างว่าจะรีบไปหมอชิตโดยขอเป็นคนขับเอง ตนเชื่อใจเนื่องจากเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ก่อนที่รถจะวิ่งมาได้ประมาณ 10 กม.ฝ่ายผู้ก่อเหตุก็ได้ออกอุบายว่าจะว่าจ้างไปจังหวัดเชียงใหม่ โดยให้เงิน 30,000 บาท ทำให้ตนเองฉุกคิดว่าน่าจะมีปัญหาแล้ว จึงออกอุบายว่าตนเองไม่มีเงินที่จะเติมแก๊สและเสียค่าทางด่วน จึงพยายามให้ผู้ก่อเหตุจอดรถเพื่อกดเงินจากตู้ATM กระทั่งมาถึงแยกเพชรบุรีตัดใหม่ขาเข้า ประกอบกับการจราจรติดขัด และตัดสินใจเอื้อมไปหยิบกุญแจ แต่มีการยื้อแย่งกันภายในรถ ไม่สามารถสู้แรงผู้ก่อเหตุได้ โดยผู้ก่อเหตุได้เปิดประตูรถพร้อมกับลากตนเองออกมาทางด้านคนขับ ทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเข้าไปขับรถหลบหนีไป ส่วนผู้ก่อเหตุทราบว่าทางบ้านมีฐานะดีแต่อาจจะเกิดความเครียดที่ประสบมา จึงไม่ได้ถือโทษและไม่ได้โกรธ ได้รถคืนมาก็ดีใจแล้ว ขอบคุณตำรวจที่ช่วยตามรถคืนมาให้ ส่วนทางคดีให้ตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมาย

ด้าน พ.ต.อ.นิมิตรกล่าวว่า ผู้ก่อเหตุสามารถให้การรู้เรื่องต่อพนักงานสอบสวน ส่วนการที่ทางญาติอ้างว่าผู้ก่อเหตุมีอาการป่วยทางจิตเวชจะต้องมีการนำหลักฐานที่สามารถบ่งชี้ว่าผู้ก่อเหตุมีอาการป่วยจริงมาแสดงต่อพนักงานสอบสวน ตามขั้นตอนตำรวจได้แจ้งข้อหา ชิงทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย พร้อมนำผู้ก่อเหตุไปผัดฟ้องฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ต่อไป