จบดราม่าอลเวง หลังเมียเชิดเงิน รางวัลที่ 1 6 ล้านบาท แล้วหนีไป ล่าสุดเมียกลับบ้านเผยจะคืนเงิน 3.1 ล้านให้ แต่ขอไล่ผัวออกจากบ้าน ด้านตำรวจรอวันจันทร์ว่ามีการโอนเงินคืนจริงก่อน จึงจะถอนแจ้งความให้
เวลา 9:30 น วันนี้ นางอังคนารัตน์ อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นเมียที่อยู่กินมากันมา 26 ปี ที่หนีไปจากบ้านพร้อมกับสมุดบัญชีเงินฝาก ได้เดินทางกลับมาบ้านในช่วงเช้าเพื่อมาพบกับ นายมะนิช อายุ 49 ปี สามี หลังทราบว่าสามีแจ้งความจับ เพื่อตกลงเจรจากันโดยได้เดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรธวัชบุรี พร้อมลูก 2 คน เพื่อทำบันทึกถ้อยคำไว้เป็นหลักฐาน ว่าเจตนาคือนำเงินมาคืน 3.1 ล้านบาท ที่ยังเหลือในบัญชี พร้อมกันนั้นหลังจากคืนเงินได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวนให้บันทึกปากคำ ขอแยกทางกับสามี ไม่ให้อยู่ในบ้านหรือแยกทางกันโดยเด็ดขาด โดยหลังจากบันทึกปากคำแล้ว จะตัดความสัมพันธ์โดยสิ้นเชิงโดยไม่มีข้อแม้ โดยหลังจากที่มอบเงินคืนให้แล้วก็ให้แยกทางกันทันทีให้ออกจากบ้านภายใน 3 วัน โดยไม่มีเงื่อนไขหากเข้ามาบุกรุกก็จะแจ้งความดำเนินคดีทันทีเนื่องจากไม่มีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากันอีกต่อไปโดยเด็ดขาด
โดยเงินจำนวน 3 ล้าน 1 แบ่ง 3 ส่วน ให้ผัว และ ลูก 2 คน (เพราะคนโตเรียนจบมีครอบครัวแล้ว ได้เงินไปแล้ว 2 แสน) คนที่จะได้รับใหม่ คือ คนเล็ก 1 ล้านบาท และ ลูกคนกลาง 500,000 บาท และให้สามี 1 ล้าน 6 แสน บาท รวมเป็น 3.1 ล้านบาท และทวงทองรูปพรรณ สร้อยคอ แหวน หนัก 2 บาทที่ตนซื้อให้สามีเก็บไว้คืนด้วย
โดยในวันนี้ยังไม่มีการถอนแจ้งความเดิมจนกว่าจะดำเนินการตามข้อตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงจะให้ฝ่ายผู้ชายมาถอนการแจ้งความภัยหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมา ในขณะเดียวกัน การมอบเงินให้ลูกสาวตกลงกันภายในข้อกำหนดว่าจะให้เบิกเงินมาใช้ได้เมื่อลูกสาวอายุ ถึง 20 ปีบริบูรณ์ ส่วนลูกชายที่เรียน ม 6 ก็กำหนดว่า ให้สามารถเบิกเงินจำนวนที่แม่มอบไว้ให้ได้ เมื่ออายุถึง 25 ปีแล้วเท่านั้น
ซึ่งสามี นายมะนิช อายุ 49 ปี ก็ยินยอมตามนั้น และบอกว่าพอใจ ที่ได้เงินกลับมาให้ลูกเรียนหนังสือ และเงินส่วนที่ตนเองได้ก็จะเอาไปลงทุนส่วนตัว ซึ่งยอมรับเงื่อนไขที่ให้ออกจากบ้าน เพื่อให้ลูกอยู่กับแม่ที่บ้าน เพื่อความสบายใจ ส่วนตนเองก็จะออกจากบ้าน ลงไปหางานทำที่กทม.เพื่อหาอาชีพเลี้ยงตนเอง และยืนยันว่าทุกอย่างทำด้วยความรักเมีย รักครอบครัว ส่วนการจะมีการคืนดีกันหรือไม่นั้น ขอให้เป็นเรื่องของอนาคต หากเมียอภัยให้ ก็จะขอกลับมา
ทางด้านนางอังคนารัตน์ อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นเมียที่อยู่กินมากันมา 26 ปี กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวการแจ้งความจับก็เลยกลับมาเคลียร์ปัญหา เรื่องเงิน และยืนยันว่าไม่ได้ไปกับผู้ชาย คนที่มาที่บ้าน และแค่รู้จักกัน แต่ไปคนเดียวโดยไม่มีใครไปด้วย และไม่มีเรื่องชู้สาว แต่ไม่พอใจ ที่สามีชอบดุด่า และก็โดนลูกชายหาเรื่องใส่ จึงหนีไปทำใจ และตั้งใจจะหนีไปเข้าวัดไปเรื่อยเพื่อเอาเงินที่ถูกรางวัลไปทำบุญ และจะเข้าวัดไปนุ่งขาว ห่มขาว สะเดาะเคราะห์ แต่ถูกใส่ร้าย เพราะโดนแจ้งจับจึงต้องกลับมาเคลียร์ปัญหา และคำครหา ยืนยันว่าไม่มีเรื่องชู้สาวมาเกี่ยวข้อง
การเดินทางกลับมาก็นำเงินที่เหลือจากการถูกรางวัล 6 ล้านบาท ในบัญชี ที่โอนให้ผัวแล้ว 1 ล้าน ใช้หนี้สินที่เป็นหนี้กับ ธกส.ไปแล้ว และเหลือ 3.1 ล้านกลับมาด้วย เพื่อนำมาคืน แล้วเดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี ร้อยเอ็ด เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาจากสามี และลงบันทึกประจำวันว่า นำเงินทั้งหมดมาคืนให้กับสามี เพื่อแบ่งสามส่วน ทั้งสามีและลูก 2 คน ดังกล่าว พร้อมกับแจ้ววงาหลังจากคืนเงินและขอสร้อยทองคืนแล้ว ยืนยันขอแยกทางกับสามี ไล่ให้ออกจากบ้านและที่ดิน ที่เป็นมรดกของตนเอง ภายใน 3 วัน โดยจะให้ทุกคนไปเปิดปัญชีธนาคารของตนเองทั้ง 3 คน ในวันจันทร์ แล้วจะโอนเงินให้ เพื่อให้ทุกอย่างจบ โดยตนจะขออยู่ที่บ้านกับลูก ซึ่งหลังจากการบันทึกลงนามข้อตกลงคืนเงินกันแล้ว ทั้งคู่จับมือกันบอกว่า ยังคงคบกันเป็นเพื่อนได้ โดยไม่ได้โกรธแค้น ทะเลาะกัน ส่วนการที่อาจจะกลับมาคืนดีกันใหม่หรือไม่นั้น ของให้เป็นเรื่องอนาคต ที่ขอดูกันไปก่อน เพราะอนาคตเป็นเรื่องที่ไม่แน่ว่าอะไรก็เป็นไปได้
ในขณะที่ พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี ร้อยเอ็ด ที่ได้ทำการบันทึกปากคำ จากนายมะนิช อายุ 49 ปี และนางอังคนารัตน์ อายุ 45 ปี ต่อหน้าพี่ชายของนางอังคณารัตน์ ที่เป็นพยานกล่าวว่า ดีใจที่เรื่องจบลงด้วยดี แต่ยังจะไม่มีการถอนแจ้งความจากที่นายมะนิช แจ้งไว้ จนกว่า จะมีการเปิดปัญชี โอนเงินทั้งหมดตามที่ตกลงกันแล้ว จึงจะมีการบันทึกถอนแจ้งความในภายหลัง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา ที่อาจจะไม่ทำตามสัญญา ซึ่งหากทุกอย่างเรียบร้อยก็จะให้บันทึกถอนแจ้งความต่อไป