หนุ่มถูกรางวัลที่1 รับเงินฝากเข้าบัญชีธนาคารเมีย โดยหอบเงินหนีกับกิ๊กเข้าแจ้งความตำรวจ เพื่อดำเนินคดีเอาเงินคืน พร้อมเผยเมียยอมรับไม่ได้เป็นเจ้าของลอตเตอรี่ ที่แจ้งความเพราะไม่เชื่อคำพูดเมีย จะนำเงินมาคืน จี้ตำรวจตามตัว

จากกรณี มะนิช (สามี) ไปซื้อลอตเตอรี่ถูกรางวัลที่ 1 แล้วไปขึ้นเงินกับ ดาว (ภรรยา) ด้วยไม่มีบัญชีธนาคารจึงให้โอนเงินรางวัลทั้งหมดไปที่บัญชีของภรรยา โดยบอกว่าถ้ามะนิชไปเปิดบัญชีของตัวเองแล้วภรรยาค่อยโอนให้ ซึ่งให้เงินมา 1 ล้าน โอนให้ลูกคนละ 2 แสนบาท ขณะที่กำลังฉลองการถูกรางวัลที่ 1 ที่บ้านอยู่นั้น 3 วัน ปรากฏว่าภรรยาได้พาชายคนหนึ่งอ้างว่าเป็นญาติ มาอาศัยที่บ้านด้วย ก่อนจะพากับหลบหนีไปพร้อมกับเงินรางวัลร่วม 4 ล้าน เพื่อนบ้านถึงมาบอกว่า ชายคนนั้นเป็นชู้ แอบคบหากัน

ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 19 พ.ย.2565 พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี ร้อยเอ็ด เดินทางเข้าพบนายมะนิช อายุ 49 ปี ชาวบ้านคางฮุงต.ธวัชบุรี อ.ธวัชบุรี ที่บ้านพัก เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าว เบื้องต้น นายมะนิช อายุ 49 ปี ผู้เสียหาย กล่าวยืนยันว่า ต้องการที่จะแจ้งความดำเนินคดีกับนางอังคนารัตน์ โดยต้องการให้ตำรวจนำตัวมาดำเนินคดี และเอาเงินมาคืน

"ตอนแรกตนว่าจะไม่แจ้งความแล้ว เพราะเมื่อวานนี้ เมียติดต่อทางโทรศัพท์กลับมาเอง ว่าขอให้ยุติการให้ข่าวและความเคลื่อนไหว โดยจะขอเวลาสัก 1-2วัน ก็จะกลับมาบ้าน พร้อมกับเอาเงินมาคืนทั้งหมด และยืนยันว่าไม่ได้ไปกับผู้ชาย แต่ขัดใจที่ลูกชายพูดด้วยไม่ดี และหนีไปเพราะความโกรธ ซึ่งตอนนี้เรื่องทำใจได้แล้ว จึงจะกลับมา ซึ่งตนก็เชื่อ แต่ปรากฏว่าพอถึงวันนี้ กลับติดต่อไม่ได้อีก และปรึกษาทุกคนดูแล้ว มั่นในว่าน่าจะหลอกลวงเพื่อถ่วงเวลา และประวิงเวลาไม่ยอมคืนเงิน ที่นำหนีไปกับผู้ชายคนนั้นมากกว่า จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดี หลังจากลังเลมานานหลายวัน จนกระทั่งแน่ใจว่าเมียไม่มีความจริงใจแน่นอน จึงตัดสินใจแจ้งความดังกล่าว" นายมะนิช กล่าว

หลังจากแสดงเจตจำนงชัดเจนกับพ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี จึงพานายมะนิช ผู้เสียหาย พร้อมด้วย นายเพ็ญ พี่ชายของ นางอังคนารัตน์ ที่ร่วมมีส่วนรู้เห็นกับการนำเงินเข้าบัญชีของนางอังคนารัตน์ หลังจากไปรับเงินที่กองสลากแล้ว โอนเข้าบัญชีเมียดังกล่าว โดยทั้ง 2 คนยืนยัน ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าเหตุที่เข้าบัญชีเมีย เพราะไม่มีบัญชีธนาคารของตนเอง เพราะเขียนหนังสือไปม่ค่อยได้ รวมไปถึงการที่เมียอ้างว่า ลายเซ็นหลังสลาก ก็เป็นลายเซ็นเมียนั้น เพราะตนเองเขียนหนังสือไม่ได้ เลยให้เซ็นแทน และยืนยันว่า การโอนเงินเข้าบัญชีเมีย ไม่ได้โอนเข้าให้ด้วยความเสน่หา แต่เป็นการฝากไว้ในบัญชีเท่านั้น ซึ่งตอนนนี้มั่นใจว่าหลอกลวงแน่นอน จึงต้องการให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีเพื่อเอาเงินคืนแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนหลังจากได้เงินคืนแล้ว ก็ค่อยคุยกันอีกที ซึ่งตนอาจจะถอนแจ้งความก็ได้ หากกฎหมายสามารถทำได้ เพราะเห็นแก่เคยอยู่ด้วยกันมา และหลังจากได้เงินคืน หากไม่มีที่ไป ก็อาจจะให้พักพิงในบ้าน เพื่อให้อยู่กับลูกๆได้ด้วยความมีมนุษยธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ลูกสาวอายุ 11 ปี เรียน ป.5 คิดถึงแม่มาก จนไม่อยากเรียนต่อ แต่อาจจะไม่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันแบบเดิมสักระยะเพื่อดูใจกันก่อน

ด้านพ.ต.ท.สมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อเป็นความต้องการของเจ้าทุกข์ก็พร้อมที่จะดำเนินการให้ตามความต้องการ โดยจะมีการเรียกสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 คน คือ ผู้เสียหาย พร้อมกับนายเพ็ญ พี่ชายของเมีย ที่เดินทางไปด้วยกันที่กองสลาก รวมทั้ง นายเพิ่มศักดิ์ มุกพรหม คนขายสลากกินแบ่งรัฐบาล มาสอบสวนเพื่อสรุปสำนวนคดี จากนั้นจึงจะออกหมายเรียกนางอังคนารัตน์ และ คนที่ก่อเหตุร่วมกัน มาสอบสวนดำเนินคดี ในข้อหายักยอกทรัพย์ และหากไม่มาตามหมายเรียกก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป

"แต่อย่างไรก็ตามคดีนี้ เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวที่สามารถยอมความกันได้ หากมาพบพนักงานสอบสวน และตกลงกันได้ ก็สามารถที่จะถอนการแจ้งความร้องทุกข์ได้ โดยไม่มีปัญหา ซึ่งพนักงานสอบสวนฝากว่าเพื่อให้เรื่องราวยุติกันด้วยจึงควรที่จะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อเจรจา" พ.ต.ท.สมศักดิ์ กล่าว