ไม่มึนยังไงไหว! สาวโรงงานเป็นหนี้ 2 หมื่นแบบไม่ตั้งใจ หลังพนักงานขายแสบโหลดแอปฯ กู้เงิน ซื้อคอร์สเสริมความงามของคลินิก

วันที่ 5 พ.ย.65 สืบเนื่องจากวานนี้ (4 พ.ย.65) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ นางสาวกัญญารัตน์ สงวนนามสกุล อายุ 26 ปี พนักงานโรงงานผลิตชุดชั้นในแห่งหนึ่ง ได้เดินทางพร้อมนำเอกสารเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.รัฐพงษ์ ศรีนอก รองสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ภายหลังจากถูกพนักงานขายของคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งนำโทรศัพท์ของตนเองไปโหลดแอปพลิเคชั่นกู้เงิน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายค่าคอร์สเสริมความงามกว่า 21,200 บาท โดยไม่แจ้งรายละเอียดให้ตนเองทราบ กระทั่งถูกทางธนาคารโทรมาทวงถาม โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง

นางสาวกัญญารัตน์ กล่าวว่า ขณะที่ตนเองไปเดินเล่นที่ห้าง​ ในระหว่างเดินผ่านบริเวณบูธของคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง มีพนักงานขายเดินมาหาตนเองและสอบถาม ขณะนั้นตนเองก็ไม่ได้สนใจและบ่ายเบี่ยง แต่พนักงานบอกว่าขอเวลา 5 นาที ก่อนที่จะพาตนเองไปนั่งที่บูธ พร้อมกับขอให้เปิดหน้ากากอนามัยเพื่อขอดูสภาพผิวหน้า ระหว่างนั้นพนักงานถามว่า ตนเองเคยเข้าคลินิกเสริมความงามหรือปไม่ ตนเองตอบว่าเคย พนักงานบอกว่าตนเองมีฝ้ากับกระ สนใจคอร์สรักษาไหม ก่อนที่จะพูดถึง สรรพคุณของคอร์สเสริมความงามของคลินิก ช่วงที่นั่งอยู่ตนเองไม่ได้ตั้งใจจะฟัง เนื่องจากไม่คิดจะซื้ออยู่แล้ว จนพนักงานสอบถามว่าตนเองมีบัญชีของธนาคารใดบ้าง และนำโทรศัพท์ตนเองไปโหลดแอปพลิเคชั่นตัวหนึ่ง พร้อมกับขอบัตรประชาชน และเอกสารแสดงรายได้ของตนเองเพื่อไปกรอกข้อมูล แต่ขณะนั้นพนักงานขาย ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดอะไรเลยว่า แอปฯ ดังกล่าวเป็นแอปฯ สินเชื่อ ตนเองคิดว่าเป็นการลงทะเบียนเพื่อรับโปรโมชั่นพิเศษจากทางแอปฯ ของทางคลินิกเท่านั้น ต่อมาพนักงานบอกว่าสักพักจะมีเงินจำนวน 21,200 บาท โอนมาที่ในบัญชี ซึ่งตนเองก็ไม่ได้เอะใจ

จนเงินจำนวนดังกล่าวเข้ามาจริง พนักงานคนดังกล่าวจึงนำโทรศัพท์ของตนเองไปเข้าแอปฯ และรีบโอนเงินออกไปยังบริษัทของคลินิกทันที โดยที่ไม่ได้แจ้งรายละเอียดใด ๆ ว่า เป็นการกู้เงินผ่านแอปฯ เพื่อมาจ่ายค่าคอร์ส จากนั้นพนักงาน ได้นำเอกสารการขายคอร์สมาให้ตนเองเซ็นชื่อและพับใส่ซองสีขาว เปิดดูภายหลังว่า ในซองมีใบเสร็จรับเงินและ Gift Voucher ก่อนกลับพนักงานบอกว่าสามารถนำเอกสารนี้มาแสดงเพื่อเข้าคอร์สที่คลินิกได้ภายใน 2 ปี ส่วนค่าใช้จ่ายสามารถผ่อนจ่ายได้ โดยไม่ได้ชี้แจงว่าเป็นการผ่อนจ่ายกับแอปพลิเคชั่นกู้เงิน

จนเวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือน มีข้อความเข้ามา และเจ้าหน้าที่ทางธนาคารโทรมาทวงถาม ทำให้ตนเองตกใจมาก ว่าไปเป็นหนี้ตอนไหน กระทั่งจำได้ว่า เงินจำนวนดังกล่าว เป็นยอดที่โอนออกจากบัญชี ขณะที่ไปลงทะเบียนที่บูทของคลินิก จึงรีบโทรไปสอบถามกับทางคลินิก แต่กลับได้คำตอบว่าไม่สามารถโอนเงินคืนให้ได้เนื่องจากได้ตกลงซื้อคอร์สไปแล้ว ขณะนั้นยังได้ยินเสียง คนพูดแทรกเข้ามาว่า ตนเองโตขนาดนี้ไม่รู้ได้ไงว่าแอปฯ นี้เป็นแอปฯ กู้เงิน และยังท้าให้ตนเองไปแจ้งความ ซึ่งตนเองคิดว่าการที่พนักงานขายมีพฤติกรรมแบบนี้เป็นการหลอกลวง โดยไม่มีการชี้แจงรายละเอียดใด ๆ กับลูกค้า หากตนเองทราบตั้งแต่วันแรกว่าจะต้องกู้เงินเป็นหนี้กว่า 2 หมื่นบาท เพื่อมาทำความงาม คงไม่ยินยอมตั้งแต่แรกแน่นอน จึงเดินทางมาแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐาน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจะนัดมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง