เปิดใจพ่อมือแทงสาวในร้านซักผ้าอัตโนมัติ เผยลูกป่วยทางจิต หลังบวชมานาน 8 ปี สึกออกมาได้แค่ 5-6 เดือน ก็มาก่อเรื่อง ขอโทษผู้บาดเจ็บยินดีชดใช้ค่ารักษาพยาบาล

จากกรณีที่คนร้ายบุกแทงน.ส.ชลธิชา มานิพาน อายุ 41 ปี ในร้านซักผ้าอัตโนมัติแห่งหนึ่ง ริมถนนนารถมนตเสวี หมู่ 2 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกแทง 7 แผล ล่าสุด อาการปลอดภัย รู้สึกตัวดี สามารถพูดคุยเล่าเหตุการณ์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และแพทย์พยาบาลให้ฟังได้

โดยผู้ก่อเหตุ คือ ณฐกร อายุ 29 ปี ถูกจับกุมได้วานนี้ พร้อมของกลาง โดยพบให้การวกวน ก่อนนำตัวมาสอบสวนที่สภ.เสม็ด

ผู้สื่อข่าวสอบถาม นายสมชาย อายุ 55 ปี พ่อของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า นายณฐกร ลูกชายมีอาการป่วยทางจิต สืบเนื่องจากลูกชายหลังเรียนจบ ก็ได้ไปบวชพระมาได้ 8 พรรษา โดยในระหว่างที่เป็นพระ ก็ชอบแบบเดินธุดงค์ไปเรื่อยๆคนเดียว โดยไม่มีครูบาอาจารย์คอยสอน ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกชายก็ปกติดี แต่หลังจากที่บวชก็มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ระหว่างเป็นพระก็ไม่เคยติดต่อทางบ้าน จนมาเมื่อประมาณ 5-6 เดือนก่อน ก็ติดต่อมาว่าจะสึกเพราะเบื่อ พอลูกสึกมากลับมาบ้านครั้งแรกที่ตนเห็นลูก ก็คิดแล้วว่าลูกชายตนกลับมาครั้งนี้ไม่ปกติเต็มร้อย แต่ตนก็ไม่ได้คิดอะไร ก็คิดว่ายังไงก็ลูก ก็ให้ช่วยงานที่บ้าน คือช่วยดูเลี้ยงกุ้ง แต่ตนก็มาสังเกตว่าเขาวันๆเอาแต่นั่งซึมเฉยๆ ไม่พูดไม่คุยกับใคร บางทีก็หัวเราะคนเดียว จนเมื่อประมาณ2เดือนก่อน พาลูกไปคลินิกจิตเวช เพื่อไปรักษาเอายามากิน ลูกชายก็กินบ้างไม่กินบ้าง ปกติเขาก็ไม่มีนิสัยก้าวร้าว หรือมีท่าทีที่จะทำร้ายใคร ส่วนเรื่องยาเสพติดก็ไม่ได้ติด เพราะหลังจากตำรวจจับกุมไป ทางตำรวจได้ตรวจก็ไม่พบว่าเสพยาเสพติด แต่ถึงอย่างไรตนในฐานะคนเป็นพ่อ ก็ต้องขอโทษผู้บาดเจ็บและครอบครัวเขาด้วย ตนพร้อมที่จะรับผิดชอบดูแลรักษาค่าพยาบาลทุกอย่าง ที่ลูกทำไปแบบนี้เพราะว่าเขาป่วยทำไปโดยไม่รู้ตัว

ด้าน พ.ต.อ.ชนะไชย เกษมวงศ์ ผกก.สภ.เสม็ด ได้เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ก็จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังยังศาลจังหวัดชลบุรี โดยไม่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพแต่อย่างใด เพราะภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นพยานหลักฐานแสดงถึงพฤติกรรมคนร้ายได้ชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่เขาจะป่วยหรืออย่างไร ศาลจะเป็นผู้พิจารณา

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาพกพาอาวุธ(มีด)เข้าไปในเมืองหรือหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยใช้อาวุธมีด ส่วนจะสาหัสหรือเข้าข่ายพยายามฆ่าหรือไม่นั้นต้องต้องรอผลจาการตรวจร่างกายผู้บาดเจ็บจากทางแพทย์อีกครั้ง