ตำรวจภูธรเมืองพัทยา เร่งติดตามตัวนายจ้างที่อ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบ ข่มขืนลูกจ้างสาววัย17ปี โดยเตรียมออกหมายจับตามภาพที่ผู้เสียหายยืนยัน

ภาพของชาย ที่ผู้เสียหายยืนยันกับตำรวจว่าคือนายจ้าง ที่อ้างตัวว่าชื่อสารวัตรโจ เป็นตำรวจกองปราบ เป็นหลักฐานที่ตำรวจภูธรเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี นำไปเป็นหลักฐานยื่นศาล เตรียมขออนุมัติออกหมายจับ

หลังจากผู้เป็นแม่ได้พาลูกสาววัย 17 ปี เข้าแจ้ง ความ ว่าถูกนายจ้างข่มขืนและบังคับให้นั่งดูขณะที่มีเพศสัมพันธ์กับภรรยา ในบ้านพัก ในพื้นที่ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

ขณะที่พันตำรวจเอกอภิชัย กรอบเพชร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา เปิดเผยว่าได้สั่งการชุดสืบสวนสภ.เมืองพัทยา ลงพื้นที่ติดตามตัวผู้ก่อเหตุที่หลบหนีไป ร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี

ส่วนที่อ้างเป็นตำรวจกองปราบฯ เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่านายโจไม่ได้เป็นตำรวจตามที่กล่าวอ้าง อีกทั้งบ้านที่เกิดเหตุก็เป็นบ้านเช่า ไม่ใช่บ้านพักส่วนตัวของนายโจ

โดยในวันจันทร์ที่ 29 สิงหาคมนี้ ได้นัดทีมสหวิชาชีพมาร่วมกันสอบปากคำเด็กอีกครั้ง เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

ส่วนที่สงขลา ตำรวจภูธรหาดใหญ่ จับกุมพ่อวัย 36 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาในข้อหากระทำอนาจารเด็กอายุยังไม่เกิน15ปีฯ หลังก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราลูกสาวอายุเพียง 13 ปี ในบ้านพักของตัวเอง

โดยทางมูลนิธิคุ้มครองเด็กได้พาเด็กแจ้งความไว้ที่สภ.หาดใหญ่ และส่งตัวไปที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสงขลา เพื่อเยียวยาสภาพจิตใจ เนื่องจากเด็กอยู่ในอาการหวาดกลัวและซึมเศร้า

ขณะที่ตำรวจ ระบุว่าจากคำให้การของเด็กบอกว่าพ่อแท้ๆ พยายามล่วงละเมิด มาตั้งแต่ปี 2554 และลงมือข่มขืนสำเร็จ 1 ครั้ง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2556 จากนั้นทุกครั้งที่เมาเหล้าและเมากาว ก็พยายามจะก่อเหตุอีก กระทั่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้พยายามล่วงละเมิดอีก แต่ลูกสาวไม่ยอม และได้หนีออกจากบ้านด้วยความหวาดกลัว มีพลเมืองดีร้องเรียนไปยังมูลนิธิคุ้มครองเด็กเข้าให้การช่วยเหลือ

ด้านผู้เป็นพ่อยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าดูแลลูกสาวเป็นอย่างดี ตั้งแต่เลิกกับภรรยา โดยยึดอาชีพรับจ้างทั่วไปและอยู่ด้วยกันสองคนพ่อลูก ส่วนสาเหตุที่ลูกสาวหนีออกจากบ้าน เพราะมีเพื่อนชายที่รู้จักทางเฟสบุ๊คซึ่งได้บอกให้ลูกเลิกคบ แต่ลูกไม่เชื่อฟัง โดยยืนยันว่าไม่ได้ข่มขืน

ขณะที่ตำรวจได้ส่งตัวดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยผู้ต้องหามีสิทธิ์ปฏิเสธและไปสู้คดีกันในชั้นศาล