รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุ สั่งสอบกรณี 'ผู้พันตึ๋ง' 3 ประเด็นที่เกี่ยวข้อง เข้าข่ายผู้มีอิทธิพล ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมแล้ว พบมีมูลความผิดจริง ต้องปรับเป็นนักโทษชั้นเลว

พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี นายเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือ ผู้พันตึ๋ง ผู้ต้องขังเด็ดขาดคดีสังหารอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ละเมิดข้อบังคับการพักโทษของกรมราชทัณฑ์ ว่า กรมคุมประพฤติ ได้ประสานตำรวจเรียกตัวกลับมาสอบสวน และ นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ รวมทั้งมีการพิจารณาเรียบร้อยแล้วว่า มีมูลความผิดจริง ซึ่งจะต้องได้รับโทษเท่าเดิมเป็นเวลา 2 ปี 9 เดือน และ ปรับเป็นนักโทษชั้นเลว โดยทางกรมคุมประพฤติได้ให้โอกาสแล้ว แต่กลับไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ขณะเดียวกัน ผู้ต้องขังสามารถเรียกร้องขอความเป็นธรรมได้ แต่ต้องอธิบายมาด้วยว่า มีเหตุผลเหมาะสมหรือไม่

พลเอก ไพบูลย์ ระบุอีกว่า ตนไม่ยอมให้ผู้ต้องขังที่เคยสร้างความเจ็บปวดต่อสังคมได้รับสิทธิเท่าเทียมเหมือนกับบุคคลอื่น และ ต้องพิจารณาความประพฤติมากกว่า โดยหน่วยงานกระทรวงยุติธรรมต้องเข้มงวดกับบุคคลกลุ่มนี้ ซึ่งในปี 2559 ได้กลั่นกรองรอบคอบมากขึ้น

ด้าน พลตำรวจตรี ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีของ นายเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ ว่า เบื้องต้นกรณีนี้จะต้องแยกเป็น 3 ส่วน คือ การผิดเงื่อนไขของกรมควบคุมความประพฤติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีอาญาที่ก่อเหตุใหม่ รวมทั้งตรวจสอบพฤติกรรมว่า เข้าข่ายผู้มีอิทธิพลหรือไม่ ซึ่ง พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมาย ให้ พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบกำกับดูแลเรื่องผู้มีอิทธิพลอยู่แล้ว

หากเข้าข่ายความผิด หรือพบว่า มีผู้ใดเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นบุคคลใด ก็จะต้องดำเนินคดีทั้งหมด ตามนโยบาย ของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช.ที่มีมาตรการยึดทรัพย์ด้วย พร้อมยืนยันว่า จะไม่ยอมให้บุคคลใดมามีอิทธิพลสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างแน่นอน

คืบหน้าคดี 'ผู้พันตึ๋ง' (มีคลิป)