"แอน ทองประสม" ยังหวังได้ของคืน หลังโดนยกเค้าในคอนโด ลั่นระวังตัวมากขึ้นระแวงการใช้ชีวิต

 

หลังจากที่นักแสดงสาว "แอน ทองประสม" ถูกขโมยทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 19 ล้านบาท และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับคนร้ายได้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งคนร้ายเป็นคนใกล้ตัว อดีตเลขาที่เคยทำงานร่วมกัน ล่าสุดแอนได้ออกมาอัปเดตถึงความคืบหน้าคดีนี้ว่า

อัปเดตเรื่องคดี ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว?
-ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงติดตามเอาของคืน ก็ต้องไปคุยกับทางที่ผู้ต้องหาเอาของเราไปจำนำ เอาของเราไปฝากขาย ก็อยู่ในช่วงที่ต่อสู้นิดนึง

ตอนนี้มีชิ้นไหนที่ได้คืนกลับมาแล้วบ้าง?
-ยังไม่มีค่ะ อยู่ในขั้นตอนของการหาข้อมูลและเตรียมไปเจรจา

บางทีเขาก็คืน แต่บางที่ก็ไม่ได้กังวลไหม?
-ซึ่งอันนี้ก็ต้องสืบกันต่อไป หมายถึงก็ต้องหาข้อมูลกันต่อไป มันก็จะมีอย่างที่บอก มีหลายรูปแบบที่พร้อมจะยินดีและพร้อมยังไม่ยินดี เราก็ต้องเอาหลักฐานมาคุยกัน

ต้องใช้กฎหมายเข้าไปช่วยไหม?
-ใช่ค่ะ หวังว่ากฎหมายจะคุ้มครองผู้เสียหายอย่างแอนบ้าง ซึ่งก็อยากให้ทำทุกอย่างไปในทางที่ถูกต้องที่เราจะได้รับการดูแล ก็พยายามหาข้อมูลอยู่ มันเป็นเรื่องเซนซิทีฟ บางทีอ่านแล้วบางทีอันนี้อาจจะเข้าข่าย หรือบางอันอาจจะไม่เข้าข่าย ก็ต้องไปหาข้อมูลเอา

ที่เราติดตามมา ให้ข้อมูลเรามายังไงบ้าง?
-ซึ่งวันนี้ (24 ส.ค.65) ก็เพิ่งไปหาข้อมูลกับทนายมา เพิ่งได้ข้อมูลมาและหลังจากนี้ก็ต้องไปย่อยกันอีกที แล้วค่อยจัดสเตปว่าจะเอายังไงต่อ

เพิ่งไปสำนักงานอัยการมาด้วยใช่ไหม?
-ไปมาแล้วค่ะ ก็ไปดูทิศทางแนวทาง คือในฐานะที่เราเจอเหตุการณ์ร้ายๆ แบบนี้ ชีวิตเราก็ต้องดำเนินต่อแก้ไขปัญหาต่อ แล้วพอเราไปเหยียบตรงนั้นแล้วก็แบบว่าเราต้องมาศาลหรอ เพราะทั้งชีวิตเราใช้ชีวิตแบบระวังตัวมาตลอดที่จะไม่ทำผิดกับใคร แต่ลืมคิดในมุมที่เราจะต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำ ก็เลยไม่ได้ระวังตัวตรงนั้น ก็เลยแอบงงนิดหน่อย

ไม่คิดว่าตัวเองจะมายืนจุดนี้ใช่ไหม?
-ใช่ค่ะ เราก็แอบงงๆ เหมือนกัน มันจะมีความรู้สึกเหมือนใจสั่นหวั่นไหวบ้าง เพราะไม่คุ้นตาไม่ได้คิดว่าจะต้องมาศาล

คิดเตรียมใจไหม ที่มันจะได้ของกลับคืนมา?
-ก็ไม่เลย ยังไม่ได้คิดไปทางเวไหนอย่างชัดเจน อยู่ในช่วงรวบรวมข้อมูล และเราก็จะดูว่าไปทิศทางไหนได้ ต้องให้ทนายไปย่อยอีกที และจะมาแจ้งอีกที

ทุกวันนี้ยังนอนหลับอยู่ไหม?
-เอาจริงๆ หลับนะ แต่มันเป็นมุมเหมือนดีเลย์มากกว่า อยู่ดีๆ ก็คิดว่านี่มันเรื่องจริงใช่ไหม มันจะมาเป็นพักๆ หรืออยู่ความเศร้าเข้ามา ก็มีบ้าง แบบ..เฮ้ย มันเกิดขึ้นกับเราได้ยังไง แล้วภาพที่เราเห็นวันนั้นมันไม่ใช่เหรอ ทำไมมันเกิดสิ่งนี้กับเรา มันก็จะเป็นแบบวนๆ อยู่ในหัวเป็นอาการประมาณนี้มากกว่า แต่โชคดีอย่างนึงที่เราเป็นคนยุ่งมากมีอะไรให้ทำตลอดเวลา ทำให้เราไม่ได้จมอยู่กับสิ่งนั้น เพราะเราต้องไปข้างหน้า เราเลยต้องหาข้อมูลเพื่อที่จะยืนต่อให้ได้ มันก็เลยเป็นช่วงสั้นๆ ที่เราหวั่นไหว ซึ่งมันเป็นมนุษย์ทุกคนที่เจอแล้วมันต้องมีความรู้สึก แต่เราต้องทำให้เสถียรและประคองต่อไปให้ได้

มีวิธีเยียวยาความรู้สึกเรายังไง?
-แต่บางทีก็คิดว่ามันเกิดขึ้นกับเรา แต่สิ่งที่น่ารักอย่างนึงในยามที่เราเจอปัญหาแบบนี้ แอนเพิ่งเห็นว่ามีคนดีๆ อยู่รอบตัวเราเยอะมาก แล้วเขาไม่ได้เคยแสดงความรู้สึกแบบนั้นกับเรา เขาดูเห็นใจเราซึ่งมันก็มีความอบอุ่นแบบนี้ออกมาให้เราเห็นอยู่เรื่อยๆ

มีคนส่งข้อมูลมาแนะนำเราเยอะไหม?
-คือมีหลายรูปแบบเลย เราถึงบอกเป็นรูปแบบชัดเจนไม่ได้ ทุกอย่างมันอยู่ที่เราจะจัดการให้มันไปในทิศทางไหน ถ้าเรามีข้อมูลที่ชัดเจนเราก็สามารถไปต่อได้ มันจะมีคนมาหลากหลาย เราต้องมีสติในการฟัง และดูที่มันใกล้เคียงกับเคสเรามากที่สุด

ตอนนี้เราจัดการดูแลของที่เหลือยังไงบ้าง?
-มันยังมีเหลืออยู่เหรอ (หัวเราะ) ที่เห็นใส่มาทุกวันนี้คือของปลอมนะ

มันกลายเป็นทำให้เกิดความระแวงเลยไหม?
-ก็มีนิดนึงเหมือนกันนะ ก็ถามว่าทุกวันนี้จะวางของมันก็ไม่กล้าวางแล้ว แต่เรารู้ว่าไม่มีใครเอาหรอก แต่เราอย่าไปสร้างนิสัยที่คนไม่คิดจะเอาให้เขาคิดจะเอา ไม่ใช่ว่าเราไม่ไว้ใจคนรอบตัวนะ ก็เรียกว่าดูแลตัวเองดีกว่า

มีชิ้นไหนที่เป็นคุณค่าทางจิตใจที่เสียดายไหม?
-มันก็จะมีของชิ้นหนึ่ง คือของหมั้นมันรวมอยู่ในนั้นด้วย ที่ทางพี่เอให้ไว้ รวมอยู่ในก้อนนั้นด้วย

เกิดความกังวลถึงขั้นต้องพบจิตแพทย์เลยไหม?
-ไม่ขนาดนั้น เราแค่คิดว่ามันมีจังหวะความรู้สึกเข้ามาใหม่ๆ แต่เรายังสามารถคอนโทรลตัวเองได้ เราอยู่ในช่วงของการเดินทาง และมีความรู้สึกว่าเรายังมีหวังและก็เลยไปต่อได้

ได้คุยกับ “คิมเบอร์ลี่” บ้างไหม ว่าเป็นเคสเดียวกันหรือเปล่า?
-ก็เจอกันบ่อย เพราะอยู่ที่เดียวกัน ก็คือบางครั้งเราก็จะบอกว่าลงมาหาเราหน่อย เราไม่ไหวแล้วอยากมีเพื่อนคุย ก็เป็นการคุยกันแบบพี่น้อง ส่วนจะเป็นคนเดียวกันไหม อันนี้มันก็เป็นส่วนของข้อมูลของคิมที่ต้องไปจัดการ ซึ่งมันต่างจากเรา

ได้มานั่งคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันไหม?
-อันนี้มันเป็นเรื่องปกติที่เวลาเจอใครที่สนิทกับเราก็จะบอกว่าเกิดขึ้นได้ยังไง มันเป็นยังไง ซึ่งทางคิมเองเราก็เห็นใจเขา เพราะตอนแรกเราก็บอกว่าน้องทำใจเถอะ แต่พอเป็นเหตุการณ์ที่เจอกับตัวเองก็เลยเข้าใจความรู้สึกเขาเลย

หลังจากนี้มาตรการเข้าคอนโดต้องเข้มงวดขึ้นไหม?
-คือคอนโดเรา ถ้าเป็นคนอื่นเข้าไม่ได้อยู่แล้ว คือเราไม่ได้ห่วงเรื่องการจะเข้าออก แต่ที่เราจะดูแลคนในของเรามากกว่า จำกัดบริเวณไม่ให้เข้าไปถึงจุดไหน ในส่วนของทีมงานก็คือจะไม่ให้ใครเข้าไปเลย เราก็ต้องจัดการชัดเจน ต่อให้เราไม่มีอะไรแล้วก็ตาม แต่ต้องฝึกตัวเองด้วยที่จะระมัดระวังและจำกัดพื้นที่ในทุกเรื่องของชีวิต