"บิ๊กตู่ลุกโต้ "ชลน่าน" ลั่น "นายกฯ" ไม่ได้เก่งทุกเรื่อง ไม่ได้ฉลาดที่สุด แต่ขอให้มองการทำงานด้วยใจ พร้อมเหน็บ "ฝ่ายค้าน" ชื่นชมคนทำงานก่อนหน้านี้ดีกว่า เย้ยเอากลับมาให้ได้แล้วกัน สวนกลับไม่ได้อยากอยู่ต่ออีก 2 ปี อย่าเอาทุกเรื่องมาตีกัน รู้ว่าอยากยั่วโมโห แต่ให้เกียรติกันด้วย

 

วันที่ 19 ก.ค. 65 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงภายหลังนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้อภิปรายเปิดญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยกล่าวว่า ยินดีที่ได้มีโอกาสพบกันในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ที่มีชื่อว่า สัปปายะสภาสถาน หมายถึงเป็นสถานที่ที่ประกอบกรรมดีในประวัติศาสตร์ชาติไทย

ทุกวันนี้มีปัญหามากมาย ซึ่งทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว มีการตั้งหัวข้อตั้งโจทย์มาเยอะแยะ โดยไม่ฟังรัฐบาลว่า ทำอะไรไปแล้วบ้างหรือฟังแล้วฟังไม่ครบ ไม่หมด หรือใช้อวัยวะข้างเดียวฟัง

เมื่อสักครู่ผู้นำฝ่ายค้านฯ ได้พูดถึง 608 คุณต้องให้เกียรติ 608 เขาด้วย เพราะประชากรที่สูงอายุ เราต้องให้ความสำคัญกับคนเหล่านี้โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ เพราะฉะนั้น 2 ปีที่ผ่านมาได้รับการชื่นชมและยกย่องเป็นแบบอย่างหลายอย่างด้วยกันในสิ่งที่ทำ และที่สำคัญคือสามารถเปิดประเทศได้อย่างยั่งยืน ทำให้รายได้เข้าประเทศมีเพิ่มขึ้น ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น

นายกฯ ไม่ใช่คนที่รู้ทุกเรื่อง ไม่ได้เก่งทุกเรื่อง ไม่ได้ฉลาดที่สุด เหมือนบางคนที่ท่านว่าฉลาดที่สุดนั่นแหละ ตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นทุกอย่าง ทุกความสำเร็จพิสูจน์ได้ด้วยตัวเลขนักท่องเที่ยวที่กลับมาแล้วกว่า 2.2 ล้านคน เกิดรายได้ 1.25 ล้านบาท ไทยเที่ยวไทย มีเงินหมุนเวียนในระบบทุกระดับมากกว่า 4.3 แสนล้านบาท นี่คือผลงาน ท่านไม่เห็นหรืออย่างไร ท่านไม่ดูอะไรเลย เพราะฉะนั้นในการอภิปรายในครั้งนี้ก็เหมือนทุก ๆ ครั้ง ที่ตนเองและรัฐมนตรีได้ยินในเรื่องเหล่านี้มาหลายครั้ง ทั้งในสภาฯ และนอกสภาฯ นอกวาระ ในวาระก็แล้วแต่ ก็พูดซ้ำ ๆ เหมือนเดิม แต่พวกตนเองก็พร้อมที่จะให้ความกระจ่างในทุกประเด็น

เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือวิสัยทัศน์และการเป็นผู้นำของรัฐบาล ผู้นำประเทศ ท่านก็กล่าวว่าผมไม่ได้รับเกียรติในเวทีต่างประเทศ ไม่ได้รับการต้อนรับ แต่ตนเองคิดว่าตนเองก็ไม่ได้ด้อยค่าไปกว่านายกรัฐมนตรีท่านอื่น ๆ หรืออดีตนายกฯ บางท่านที่ไปมา

ขอให้ย้อนกลับไปดูพฤติกรรม ย้อนกลับไปดูความผิด ย้อนกลับไปดูคนที่ติดคุก ถึงแม้ว่าเราจะมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่าง แต่เราจะต้องทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ตนเองไม่ใช่คนที่ต้องการให้แบ่งพวกแบ่งฝ่าย ท่านบอกว่าตนเองบังคับใช้กฎหมาย ละเมิดสิทธิมนุษยชน กฎหมายนั้นกฎหมายอะไร กฎหมายทั่วไปใช่หรือไม่ แต่หลายคนอยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้

เมื่อตนเองเข้ามาบริหารประเทศ 3 เรื่องที่สำคัญที่ตนเองต้องการที่จะเดินหน้าประเทศไปข้างหน้าพร้อมพลิกโฉมประเทศไทย คือ ประกาศวิสัยทัศน์ของประเทศไทยให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ผลักดันยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ปฏิรูปในทุกมิติ ตนเองได้มีการนำเสนอมาเป็นระยะ ๆ"

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า "หากท่านมองด้วยหัวใจท่านก็จะสัมผัสได้ก็แล้วกัน ในชีวิตประจำวันในรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดการเปลี่ยนแปลง และตนเองบอกว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไปเป็นระยะ ๆ ทั้งนี้ที่กล่าวว่าอยากอยู่ต่ออีก 2 ปีนั้น ให้ไปย้อนดูว่าหมายความว่าอะไร ตนเองพูดว่าอีก 2 ปีมันจะผลิดอกออกผลออกมา ไม่ได้บอกว่าขออยู่อีก 2 ปี คุณเอาทุกเรื่องมาตีกันหมดไม่ได้"

"สรุปแล้วที่ท่านพูดมาทั้งหมดไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมดและไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง ตนเองก็จำเป็นต้องพูดตรงนี้เพราะท่านพูดมาว่าผมทำอะไรไม่สำเร็จสักเรื่อง ตนเองก็จำเป็นที่ต้องชี้แจง ขอให้บรรยากาศไปอย่างความเรียบร้อย ถ้าท่านแรงมาตนก็จะแรงน้อยกว่าท่านหน่อย เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าท่านต้องการให้ผมโมโห" พร้อมกับกล่าวต่อว่า "ให้เกียรติด้วยคำพูดหากอยากได้รับเกียรติจากคนอื่น ต้องรู้จักให้เกียรติคนอื่นเขา หากโจมตีในลักษณะให้ร้ายพูดจาส่อเสียด ดูแล้วไม่ใช่สุภาพบุรุษตนเองไม่อยากฟังในสภานี้ แต่ตนเองให้เกียรติสภาให้เกียรติประธานและสมาชิกทุกคน ตนเองจำเป็นต้องชี้แจงแบบนี้เพราะผ่านมาชั่วโมงเต็ม ๆ ไม่ใช่ข้อเท็จจริง 100% เลย ตนเองก็ทราบดีว่าท่านคงชื่นชมหลายคนที่ทำงานมาก่อนว่าดีกว่าตนเองนู่นนี่นั่น ไม่เป็นไร เอากลับมาให้ได้ก็แล้วกัน" นายกรัฐมนตรีกล่าว