หมอมนูญเผยเคส ผู้ช่วยพยาบาล ติดโควิดซ้ำ 3 รอบ คาดได้รับเชื้อต่างสายพันธุ์ ทั้งเดลตา โอมิครอน BA.2 โอมิครอน BA.5

วันที่ 6 ก.ค.65 นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 โดยระบุกรณีผู้ติดเชื้อรายหนึ่งที่เป็นผู้ช่วยพยาบาล ซึ่งได้รับเชื้อโควิด-19 ซ้ำถึง 3ครั้ง และคาดว่าแต่ละครั้ง อาจติดเชื้อต่างสายพันธุ์กัน ตั้งแต่เดลตา โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 และโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.5

โดยข้อความที่โพสต์ระบุว่า

"โรคระบาดใหญ่ไวรัสโควิด-19 ผ่านมา 2 ปี กว่าแล้ว ยังไม่ทีท่าจะจบลง มีบางคนติดเชื้อหายแล้ว ติดเชื้อซ้ำอีก ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์ เชื้อที่เข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทย เริ่มตั้งแต่สายพันธุ์อู่ฮั่นของประเทศจีน สายพันธุ์ G สายพันธุ์แอลฟา เดลตา และโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1,BA.2 ล่าสุด BA.4,BA.5 เชื้อสายพันธุ์ใหม่สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อตามธรรมชาติจากสายพันธุ์เดิม

ผู้ป่วยหญิงอายุ 52 ปี ปกติแข็งแรงดี มีโรคประจำตัว ปวดข้อ และมีผื่น แต่ไม่รุนแรง สงสัยเป็นโรคภูมิแพ้ตนเอง SLE กินยาสเตียรอยด์ เพรดนิโซโลนขนาดต่ำ 5 มิลลิกรัมวันละครั้ง

ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งแรกวันที่ 18 เมษายน 2564 มีอาการแสบคอ ครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้ ไอ เอกซเรย์สงสัยปอดอักเสบ ยืนยันด้วยการตรวจ RT-PCR SARS-CoV-2 ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ ดีขึ้น ติดเชื้อครั้งนั้นคงเป็นเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา

หลังจากติดเชื้อครั้งแรก ผู้ป่วยได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดทั้งหมด 3 เข็ม ซิโนแวค แอสตร้าเซเนกา และไฟเซอร์ เข็มสุดท้ายเดือนมกราคม 2565
ติดเชื้อไวรัสโควิดครั้งที่ 2 31 มีนาคม 2565 มีอาการแสบคอ ปวดเมื่อยตัว ไม่มีไข้ ไม่ไอ ยืนยันด้วยการตรวจ RT-PCR SARS-CoV-2 ไม่ได้กินยาต้านไวรัส หายเอง ครั้งนั้นคงเป็นเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2

ล่าสุดติดเชื้อไวรัสโควิดครั้งที่ 3 ต้นเดือนกรกฎาคม 2565 มีอาการเจ็บคอ ปวดเมื่อยตัว มีน้ำมูกเล็กน้อย ไม่ไอ ไม่มีไข้ ยืนยันด้วยการตรวจ RT-PCR SARS-CoV-2 ไม่ได้กินยาต้านไวรัส กำลังดีขึ้น ครั้งนี้คงเป็นเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5

ผู้ป่วยรายนี้เป็นผู้ช่วยพยาบาลทำงานที่ห้องฉุกเฉิน ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคโควิดตลอดเวลา และเนื่องจากกินยาสเตียรอยด์ ภูมิคุ้มกันไม่ดีเหมือนคนทั่วไป ทำให้ติดเชื้อแล้วติดเชื้ออีกถึง 3 ครั้ง แม้จะได้รับวัคซีนครบโดสและเข็มกระตุ้นแล้วก็ตาม หลังจากหายครั้งนี้ ต้องให้วัคซีนเข็มกระตุ้นชนิด mRNA อีก 1 เข็ม"