วินจยย.ใจบุญตระเวนให้อาหารสุนัขจรจัด ถูกสายเคเบิลสื่อสารรัดคอ รถล้มบาดเจ็บ วอนบริษัทสายสื่อสารรับผิดชอบ ตรวจสอบพบมีเหยื่ออีกคนเจอเหตุในวันเดียวกัน

 

วงจรปิดปากซอยเพิ่มสิน 66 บันทึกภาพเหตุการณ์ในขณะที่นายดำรงค์ มะโนทัย อายุ 58 ปี วินจักรยานยนต์รับจ้าง ถูกสายสื่อสารที่ห้อยลงมารัดคอ จนทำให้รถจักรยานยนต์ล้มลงจนได้รับบาดเจ็บเมื่อช่วงเย็นวานนี้(24 มิ.ย.) วันนี้ นายดำรงค์และภรรยาเข้าร้องเรียนนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด นายดำรงค์ หรือลุงดำใจบุญเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สายไหม เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับบริษัทเจ้าของสายสื่อสาร หรือบริษัทผู้มีอำนาจดังกล่าว ในข้อหากระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย

นายดำรงค์ได้สื่อสารผ่านนายเอกภพเนื่องจากไม่สามารถพูดได้โดยบอกว่า วันเกิดเหตุรถจักรยานยนต์รับจ้างอยู่ย่านเพิ่มสิน กำลังตระเวนให้อาหารหมาจรจัดกว่า 70 ตัว ที่คุณลุงคอยเลี้ยงดูมาตลอด 20 ปี แต่เมื่อขี่ผ่านจุดเกิดเหตุ บริเวณซอยเพิ่มสิน 66 ไม่ทันสังเกตว่ามีสายเคเบิลสีดำห้อยลงมากลางถนน ในลักษณะปลายม้วนเป็นตะขอ และเกี่ยวพันเข้าที่คอ จนรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำ ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลถูกบาดที่คอ นายดำรงค์ยืนยันว่าขี่รถมาด้วยความเร็ว 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าช้ามาก เนื่องจากมีฝนตกลงมาปรอยๆ ซึ่งถ้าหากขับเร็วกว่านี้อาจจะเสี่ยงคอขาดได้ โดยปกติจะขี่ผ่านจุดดังกล่าวเป็นประจำ แต่ก็ไม่มีสายห้อยลงมา จนกระทั่งวันเกิดเหตุ

นายเอกภพยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าลักษณะสายเคเบิลที่ห้อยลงมานั้น บางส่วนเหลือเพียงลวด เนื่องจากฉนวนพลาสติกที่หุ้มสายไว้ฉีกขาด ทำให้เป็นอันตรายอย่างมาก ช่วงเช้าเพจสายไหมต้องรอดได้รับแจ้งจากประชาชนอีกราย ว่าถูกสายเคเบิลดังกล่าวห้อยลงมาเกี่ยวรถจักรยานยนต์จนล้มลง ทางเพจสายไหมต้องรอดจึงได้ประสานการไฟฟ้าเข้าตรวจสอบ พบว่าไม่ใช่สายของการไฟฟ้า ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ ทางเพจก็ไม่ทราบว่าเป็นสายเคเบิลของบริษัทใด จนกระทั่งช่วงเย็นวันดังกล่าว ลุงดำก็มาประสบเหตุซ้ำ จึงต้องมาแจ้งความเพื่อให้ตำรวจช่วยตรวจสอบ

ขณะเดียวกันนายดำรงค์ และนายเอกภพได้พามาชี้จุดเกิดเหตุพบว่าล่าสุดบริษัทสายสื่อสารได้มีการเก็บแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ชาวบ้านในละแวกดังกล่าว บอกว่าในพื้นที่สายไหม มีหลายจุดที่สายไฟ สายสื่อสายพันระโยงระยางเป็นจำนวนมาก และเมื่อวานนี้ก็เห็นว่ามีอุบัติเหตุ ซึ่งหากเกิดจากสายสื่อสารก็ยอมรับว่าเป็นอันตรายและอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแล