คกก.โรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบยกเลิกเขตติดโรคติดต่ออันตราย “โควิด-19” นอกราชอาณาจักร และเพิ่ม “ฝีดาษวานร” เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวังลำดับที่ 56

 

(8 มิ.ย.65) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2565 โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมประชุม

โดยนายแพทย์เกียรติภูมิกล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้มีการพิจารณา และเห็นชอบ 2 เรื่อง คือ 1. ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเลิกท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลกอยู่ในแนวโน้มลดลง โดยสายพันธุ์โอมิครอนมีความรุนแรงลดลง และทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนแล้วจำนวนมาก ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่มีการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น โดยคนไทยไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนระบบ Thailand Pass เพียงแสดงข้อมูลการฉีดวัคซีนและผลตรวจ professional-ATK หรือ RT-PCR ก็พบว่าผู้เดินทางเข้าประเทศวันละหลายหมื่นคน มีผู้ติดเชื้อโควิด 19 น้อยมาก หรือบางวันไม่พบผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศเลย ถือว่ามีความปลอดภัย จึงนำมาสู่การเห็นชอบประกาศยกเลิกเขตโรคติดต่ออันตรายนอกราชอาณาจักร

“ประเทศไทยเองสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากเปิดภาคเรียน 3 สัปดาห์ และวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีการผ่อนคลายมาตรการให้เปิดสถานบันเทิงในพื้นที่เฝ้าระวัง และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 31 จังหวัด โดยต้องผ่านมาตรฐาน Thai Stop Covid 2 plus และได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. จนถึงวันนี้ยังไม่พบสถานการณ์การระบาดมากขึ้น กระทรวงสาธารณสุขยังคงเน้นให้ทุกจังหวัดเตรียมพร้อมเข้าสู่ระยะ Post pandemic สำหรับการกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติของประชาชน โดยดำเนินการตามมาตรการ “2U” คือ Universal Prevention และ Universal Vaccination โดยให้กลุ่มเสี่ยง 608 คือผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี และโรคเรื้อรังรับวัคซีนเข็มกระตุ้นมากกว่า 60% และมาตรการ 3 พอ คือ เตียงพอ หมอพอ และยาเวชภัณฑ์พอ” นายแพทย์เกียรติภูมิกล่าว

2. ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อ และอาการสำคัญของโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... โดยเพิ่มชื่อโรคฝีดาษวานรหรือฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดต่อที่ต้อง
เฝ้าระวังลำดับที่ 56 ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ตามความเห็นชอบของคณะกรรมการด้านวิชาการที่ประชุมหารือเรื่องนี้เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ โรคฝีดาษวานรยังแพร่ระบาดในต่างประเทศ ประเทศไทยมีการเฝ้าระวังยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อในประเทศไทย โดยกรมควบคุมโรคได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (EOC) กรณีโรคฝีดาษวานร และเตรียมความพร้อมเสริมมาตรการคุมเข้ม ทั้งที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศที่สนามบินนานาชาติ และสั่งการโรงพยาบาลในสังกัดรัฐและเอกชน เตรียมพร้อมเฝ้าระวัง สังเกตอาการกลุ่มเสี่ยง และส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อฝีดาษลิง

นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบมาตรการควบคุม และป้องกันโรค
ในสถานบริการ ผับบาร์ หรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคทั่วราชอาณาจักร โดยกำหนดให้เปิดบริการ จำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่เกิน 24.00 น. งดบริการเครื่องดื่มที่ใช้แก้วร่วมกัน งดกิจกรรมส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการให้บริการที่มีการคลุกคลี และสัมผัสใกล้ชิดกับลูกค้าจะต้องสวมหน้ากาก โดยมาตรการสำหรับผู้ให้บริการ พนักงาน นักร้อง นักดนตรี ต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามเกณฑ์ ตรวจคัดกรองความเสี่ยงทุกวัน ตรวจ ATK ทุก 7 วัน และเมื่อมีอาการหรือความเสี่ยง ปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention (UP) ส่วนลูกค้าต้องแสดงหลักฐานรับวัคซีนเข็มกระตุ้นครบตามเกณฑ์ ปฏิบัติตามมาตรการ UP เช่นกัน และกลุ่มเสี่ยง 608 ยังแนะนำให้งดหรือเลี่ยงการเข้ารับบริการ

สำหรับสถานประกอบการต้องขออนุญาตคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ประเมินตนเองผ่าน
Thai Stop COVID 2 Plus ซึ่งทั่วประเทศสถานบันเทิงที่ลงทะเบียน 760 แห่ง จากทั้งหมด 2,890 แห่ง ผ่านการประเมิน 100% เช่นเดียวกับสถานบันเทิงในพื้นที่เฝ้าระวังและนำร่องท่องเที่ยวที่มีการลงทะเบียน 688 แห่ง จากทั้งหมด 2,135 แห่ง ผ่านการประเมิน 100% เช่นกัน นอกจากนี้ ยังต้องทำตามมาตรการ COVID Free Setting จัดพื้นที่บริการมีระยะห่างระหว่างโต๊ะอย่างน้อย 1 เมตร มีการระบายอากาศที่เพียงพอ กรณีเป็นอาคารปิด และใช้เครื่องปรับอากาศควรเปิดพัดลมระบายอากาศตลอดเวลา อาจติดตั้งเครื่องฟอกอากาศตามความเหมาะสม และจัดให้มีการตรวจสอบผู้รับบริการว่ารับวัคซีนครบถ้วน ขณะที่ฝ่ายปกครองท้องถิ่นและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. มีการติดตามกำกับอย่างใกล้ชิด โดยจัดตั้งทีมตรวจประเมิน ให้คำแนะนำ ตักเตือนสถานบริการที่ปฏิบัติไม่ถูกต้อง ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน และควบคุมโรค และมาตรการทางกฎหมาย รวมถึงสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประสานข้อมูลทะเบียนรายชื่อสถานบริการ สถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวดกับปกครองจังหวัด และ อปท. พื้นที่ จัดทำแผนสุ่มเฝ้าระวังสถานบริการในพื้นที่ทุกสัปดาห์ และรายงานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. และกระทรวงสาธารณสุข