"หมอชลน่าน" ชี้งบปี 66 เป็นงบอุปโลกน์ ฝ่ายค้านโหวตคว่ำแน่ ไม่มีงดออกเสียง แต่หากผ่านพร้อมส่งคนเข้าไปเป็น กมธ.ฯ เพื่อดูความไม่ชอบมาพากล

 

วันที่ 30 พ.ค. 65 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีจำงบประมาณ 2566 ในวันที่ 31 พ.ค.ถึง 2 มิ.ย. ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว และพิจารณารายละเอียดของร่างพ.ร.บ. งบปี 66 ทั้งหมด ทั้งเรื่องศักยภาพ ความรู้ความสามารถของผู้ที่จะบริหารงบประมาณซึ่งคือตัวรัฐบาล และคณะรัฐมนตรี รวมทั้งสิ่งที่เราพบเจอในการจัดงบประมาณปีนี้ค่อนข้างมีความสุ่มเสี่ยงมาก โดยเฉพาะปีนี้เป็นปีที่วิกฤต ทั้งโควิด-19 สงคราม เศรษฐกิจ ความขัดแย้งต่าง ๆ แต่วิธีการจัดงบประมาณไม่ตอบสนองในการแก้ปัญหาให้กับประเทศ และสิ่งที่เราเจอเสมือนเป็นทางตัน สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ. ว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง พ.ร.บ. หนี้สาธารนะ

นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตัวเลขงบประมาณฯ ที่ตั้งไว้เหมือนกับเป็นตัวเลขที่อุปโลกน์ขึ้น เช่น การจัดเก็บรายได้ที่ตั้งไว้ 2.49 ล้านล้านบาท ถามว่า ความสามารถที่จะเก็บได้ทำไมต้องเพิ่มมาอีก 0.9 ล้านล้านบาท เพราะ 2.4 ล้านล้านบาท ยังเป็นไปไม่ได้แล้ว ดังนั้นการตั้งการจัดเก็บรายได้ไว้ที่ 2.49 ล้านล้านบาท ส่งผลต่ออะไร ซึ่งฝ่ายค้านกำลังจะไปดูว่า มีผลต่อการที่จะวางกรอบของเงินกู้หรือไม่ เพราะถ้าตั้งรายได้ไม่ถึงการจะกู้ชดเชยงบประมาณขาดดุล ตัวเลขก็จะต่ำ เพดานกู้จะแคบ ตรงนี้เราจะเห็นว่า เหมือนเป็นทางตัน แต่ที่สำคัญนำไปใช้ไม่ได้ก่อประโยชน์ ผิดที่ผิดทาง ผิดวัตถุประสงค์ และสุ่มเสี่ยงส่อไปในทางเอื้อประโยชน์ และแสวงหาประโยชน์ทางการเมืองเนื่องจากใกล้ช่วงเลือกตั้ง จึงเห็นว่า การจัดทำงบประมาณนี้มีลักษณะกระจุกตัวมากกว่า

"พรรคฝ่ายค้านยังไม่มีมติว่าจะโหวตอย่างไร แต่ทุกฝ่ายหารือร่วมกันแล้ว และแต่ละพรรคเห็นตรงกันว่า ไม่สามารถรับร่าง พ.ร.บ. งบปี 66 ฉบับนี้ ได้การไม่รับคือต้องโหวตลงมติไม่รับ เพราะการงดออกเสียงเป็นวิธีการลงคะแนนในภาวะงบประมาณปกติ ประเทศปกติ ซึ่งการงดออกเสียงคือ การแสดงมารยาท ดังนั้นการจะผ่านหรือไม่ผ่านขึ้นอยู่กับเสียงข้างมาก เรางดออกเสียง เรายังมีข้อเสนอ และคำแนะนำที่จะไปปรับแก้ในชั้นกรรมาธิการฯ แต่งบปี 66 เราดูแล้ว แม้จะปรับแก้ก็แก้อะไรไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปงดออกเสียง จึงต้องบอกกันตรง ๆ ว่าเราโหวตไม่รับร่าง พ.ร.บ. งบฯ ฉบับนี้"


ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีมติไม่รับร่างแล้ว แต่เสียงข้างมากโหวตผ่าน ฝ่ายค้านจะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมาธิการฯ หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ฝ่ายค้านไม่เคยตั้งเงื่อนไขว่า จะไม่ส่งคนเข้าไปเป็นกรรมาธิการฯ เพราะกระบวนการพิจารณาในสภาฯเมื่อเสียงข้างมากเห็นชอบ เราก็ต้องยอมรับ เราไม่ดื้อดึงถึงขั้นไม่ร่วมพิจารณาเลย เพราะจะยิ่งทำให้เกิดผลเสีย ซึ่งตามกลไกฝ่ายค้านก็ต้องส่งคนเข้าไปเป็นกรรมาธิการฯ แม้จะเห็นว่า ปรับแก้อะไรไม่ได้ แต่ฝ่ายค้านก็ยังมีสิทธิเข้าไปตรวจสอบและทักท้วงในสิ่งที่เห็นว่าไม่ชอบมาพากลได้ แล้วนำข้อมูลมาเปิดเผยในการพิจารณาวาระสอง ถ้าไม่ชอบมาพากลก็มีโอกาสที่จะพิจารณาว่า จะให้ความเห็นชอบหรือไม่

อีกทั้งเมื่อถามว่า ยังยืนยันว่าหากงบฯ ปี 66 ไม่ผ่าน ความรับผิดชอบคือนายกฯ ต้องลาออก และยุบสภาใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มี 2 ทางคือ หากงบฯ ไม่ผ่านนายกฯ ก็ต้องลาออกหรือยุบสภาเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เพราะถ้าไม่มีงบฯ ไปบริหารประเทศแล้วจะบริหารได้อย่างไร จึงเป็นข้อขัดแย้งที่รุนแรงเป็นอันดับสองรองจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากงบฯ ไม่ผ่านนายกฯ ก็ต้องพิจารณาว่าจะใช้โอกาสนี้ว่ายุบสภามีประโยชน์หรือไม่ หรือลาออกประโยชน์ดีกว่าหรือไม่ ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของนายกฯ