สนั่นชายแดน! เกิดเหตุคาร์บอมสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 ฝั่งเมียนมา เสียงระเบิดดังถึงแม่สอด เป็นเหตุให้ด่านพรมแดนเสียหาย-ไฟไหม้ตึก 4 ชั้น ล่าสุดประชาชนกลับไปใช้ชีวิตตามปกติแล้ว


(24 เม.ย. 65) สืบเนื่องจากคืนวันที่ 23 เมษายน 2565 เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมที่บริเวณด่านพรมแดนเมียวดี-แม่สอด เชิงสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 ฝั่งประเทศเมียนมา รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ตรงข้ามบ้านริมเมย ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยเสียงระเบิดดังสนั่นจนถึงตัวอำเภอแม่สอด ส่งผลให้เกิดเหตุไฟไหม้ตัวอาคารด่านเมืองเมียวดี และร้านค้า อาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ บริเวณด่านมีอุปกรณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ในที่เกิดเหตุหน้าด่าน พบรถเก๋ง 1 คันได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด และไฟไหม้ทั้งคัน คาดว่า เป็นรถยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ นอกจากการระเบิดแล้ว ยังมีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทางการเมียนมากับกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ที่ใช้รถยนต์กระบะบรรทุกกองกำลังติดอาวุธมาประมาณกว่า 10 คน โดยปะทะกันนานประมาณ 15 นาที และยังไม่ทราบความสูญเสียของทั้ง 2 ฝ่าย จากนั้นกองกำลังไม่ทราบฝ่ายได้ถอนกำลังออกไปทางด้านใต้เมียวดี 

ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไทยที่บริเวณชายแดนแม่สอด ที่เฝ้าสังเกตการณ์ด่านพรมแดนฝั่งไทยแจ้งว่า ในระหว่างเกิดเหตุนั้น เกิดไฟไหม้ตัวอาคารด่าน และอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น เจ้าหน้าที่เมียนมาในท้องถิ่นต้องระดมรถดับเพลิงทั้งหมดไปดับไฟที่ลุกไหม้ตัวอาคาร และบริเวณด่านพรมแดนจนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยใช้เวลานานนับชั่วโมง

ล่าสุดทหารเมียนมาในพื้นที่เมืองเมียวดี เข้ามาควบคุมพื้นที่บริเวณหน้าด่านได้แล้ว โดยพบรถยนต์ต้องสงสัยในการใช้คาร์บอม 1 คัน และได้ระดมกำลังเจ้าที่พิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่เพื่อเก็บหลักฐานต่างๆ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีฝ่ายต่อต้านรัฐสภาปฎิวัติทหารเมียนมาออกมาแสดงความรับผิดชอบ ขณะที่ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน พลเอกอาวุโสมิน อ่องหล่าย ผู้นำทหารเมียนมาได้ประกาศว่า จะเจรจากับชนกลุ่มน้อยติดอาวุธ 20 กลุ่มอีกครั้งหนึ่ง โดยจะเป็นผู้ร่วมเจรจาด้วยตนเอง และขอให้ผู้แทนลงทะเบียนเข้าร่วมประชุมเจรจาในวันที่ 9 พ.ค. 65 ที่จะถึงนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อำเภอแม่สอดว่า หลังจากเกิดเหตุในฝั่งเมียวดีแล้ว ในวันนี้ (24 เม.ย. 65) ชาวไทยบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาที่บ้านริมเมย ซึ่งใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ใช้ชีวิตตามปกติ แต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ชาวบ้านได้เตรียมสิ่งของมีค่าไว้ เพื่อทิ้งบ้านหลบหนีออกจากหมู่บ้าน เนื่องจากเกรงว่า จะได้รับผลกระทบจากการสู้รบ ในขณะที่บางราย ซึ่งเป็นผู้สูงอายุ ได้ย้ายไปอยู่บ้านญาติแล้ว