ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์  พาผู้เสียหายร้องตร.ปปป. เอาผิดผุ้คุมเรือนจำ รีดไถเงินญาติผู้ต้องขัง แลกการดูแลพิเศษ เผยเคยถูกร้องมาแล้วกว่า 10 ครั้ง แต่ก็รอดมาได้ตลอด

22 เมษายน 2565 ที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)  (ตรงกองปราบปรามลาดพร้าว) ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วยครอบครัวผู้เสียหายรายที่ 2 จากกรณีถูกผู้คุมทัณฑสถานหญิงธนบุรี เรียกรับเงิน อ้างว่าเป็นค่าดูแล เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้คุมทัณฑสถานหญิงธนบุรี ต่อ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป  เพื่อขอให้ดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายแก่ผู้คุมรายนี้ในความผิดตามมาตรา 148 เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน และ มาตรา 157 

โดยผู้เสียหายได้ถือ เศษสตางค์มาในมือ พร้อมเปิดเผย จดหมายลายมือที่ผู้คุมอ้างว่า ผู้ต้องขังเป็นคนเขียนยัดใส่มือมา โดยมีข้อความว่า ”พ่อโอนเงินให้หนิงหน่อย” นอกจากนี้ยังมีหลักฐานการโอนเงิน มาเป็นหลักฐานให้พนักงานสอบสวนด้วย

ด้าน ทนาย รณณรงค์ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องมาร้องในวันนี้เพราะทนไม่ไหวจริง ๆ และไม่เชื่อในกระบวนการสอบสวน ลงโทษ ของกรมราชทัณฑ์ เนื่องจาก ผู้คุมคนนี้มีประวัติถูกสอบจากการรีดไถเงินญาติผู้ต้องขังมาแล้วเกือบ 10 ครั้ง และถูกตั้งกรรมการสอบเมื่อปี 62 แต่ก็รอดมาได้ทุกครั้ง  

โดยต้นสังกัดมีการย้ายมาทำหน้าที่รับโทรศัพท์ รับเรื่องร้องทุกข์ ทำให้เวลาญาติผู้ต้องขังโทรไปก็จะเธอผู้คุมคนนี้ตลอด และหลังเกิดเรื่องมีญาติผู้ต้องขังรวมถึงบางคนที่พ้นโทษออกมา ติดต่อเข้าให้ข้อมูลหลายคน

ทนายรณณรงค์ กล่าวต่ออีกว่า วันนี้ตั้งใจจะนำผู้เสียหายมาพบเจ้าหน้าที่รวม 4 คน แต่มาได้แค่ 2 คน อีก 2 คนไม่กล้ามา เพราะมีความหวาดกลัว

1 ในผู้เสียหาย ซึ่งมีภรรยาถูกต้องขัง เล่าว่า ตนเอง ทำงานขี่วิน จยย.รับจ้าง โดยผู้คุมรายนี้โทรติดต่อมาเพื่อขอเงินเป็นค่าดูแลภรรยาที่อยู่ในทัณฑสถานหญิง ตนเองยอมจ่ายเงินให้ เนื่องจากเป็นห่วงภรรยา อยากให้อยู่ด้านในแบบไม่ต้องทำงานหนัก เลยให้ลูกสาวโอนเงินให้ โอนไปทั้งหมด 9 ครั้ง ตั้งแต่ พ.ย.64 – ก.พ.65

ครั้งที่ 1-3 ขอเงิน 1,000 บาท ครั้งที่ 4 ขอ 200 บาท อ้างเป็นค่าข้าวผัดกะเพรา ครั้งที่ 5 ขอ 500 บาท อ้างเป็นค่าเสื้อกันหนาว ซึ่งความจริงในเรือนจำมีเสื้อกันหนาวแจกอยู่แล้ว  

ครั้งที่ 6-8 เรียก 1,000 บาท โดยมีคำอ้างต่างกัน คือ อ้างมีจดหมายจากผู้ต้องขัง และครั้งที่ 9 เรียก 400 บาท รวมเป็นเงิน 7,100 บาท 

นอกจากนี้ยังโทรมาขอยืมเงินอีก 10,000 บาท อ้างน้องชายขับรถชนต้องการใช้เงิน แต่ไม่ได้ให้เงินไป และ ที่ออกมาร้องเรียน เนื่องจากโกรธที่ผู้คุมรายนี้ไม่ให้ติดต่อกับภรรยา โดยมีการเขียนจดหมายส่งถึงภรรยาหลายครั้ง แต่ภรรยาไม่เคยได้รับ และโกหก มาเรียกเงินค่าดูแลภรรยา ซึ่งในความเป็นจริงภรรยาไม่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษนอกเหนือจากผู้ต้องขังรายอื่น