ผู้เสียหายร้องหมอปลา ทนายไพศาล ถูกแม่หมอลงนะหน้าทองหลอกดูดวง พ่วงขายตรง ให้ซื้อสบู่อาบแล้วรวย สูญเงินกว่าล้านบาท 'หมอปลา' พาสื่อบุก

 

24 มี.ค.65 นางพัชรีรัตน์ อภิเดชเจริญภัคดี อายุ 53 ปี ผู้เสียหายจากการถูกแม่หมอลงนะหน้า หลอกดูดวง เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า เธอรู้จักกับอาจารย์ทิชา ที่มีความสามารถพิเศษในการดูดวง เสริมดวง ผ่านเพื่อนในเฟซบุ๊กที่แนะนำมา และได้ทำการติดต่อขอดูดวงผ่านทางโทรศัพท์ มีค่าใช้จ่าย 999 บาท เป็นการเปิดไพ่ ทำนาย ซึ่งตอนนั้น เธอรู้สึกว่า หมอดูคนนี้ทำนายแม่น ทักว่าดวงการค้ากำลังมา ให้เริ่มธุรกิจขายของออนไลน์

จากนั้นอาจารย์ทิชาหลอกล่อให้สั่งผลิตภัณฑ์ที่ตัวแม่หมอเป็นผู้ผลิต และจำหน่าย คือ สบู่น้องร้อยล้าน เมตตามหานิยม เสริมดวงการงาน ครีมกันแดด เมตตามหาเสน่ห์ เสริมโชคลาภ บารมี นอกจากนี้ยังมีการหลอกล่อให้สักลายมือ เพื่อเสริมดวงการค้าขาย ก่อนจะรับผลิตภัณฑ์จากอาจารย์ทิชาไปขายต่อ นางพัชรีรัตน์ ก็หลงเชื่อสั่งสบู่ล็อตแรกไป 4 แสนบาท ต่อด้วยล็อตที่ 2 เป็นครีมกันแดด อีกประมาณ 3 แสนบาท แต่เมื่อได้สินค้ามา กลับขายไม่ดี เลยติดต่อไปที่อาจารย์ทิชาอีกครั้ง ซึ่งถูกแนะนำให้ไปเดินสายทำบุญเสริมดวง ทำพิธีบวงสรวง ลักษณะเหมือนพิธีชิงเปรต แย่งกินของบวงสรวง ซึ่งอาจารย์ทิชา บอกว่า จะช่วยส่งบุญให้ถึงเทวดา ก็เชื่อ สูญเงินไปอีกประมาณ 2 แสนบาท สุดท้ายของก็ยังสต๊อกอยู่เต็มบ้าน ขายไม่ได้

จากนั้น นางพัชรีรัตน์ ขอให้อาจารย์ทิชาซื้อสินค้าคืน แต่อาจารย์เงียบหายไป พยายามติดต่อก็ไม่ยอมคุยด้วย จึงมาร้องเรียนกับหมอปลา และทนายไพศาล

ด้าน ทนายไพศาล ได้พาผู้เสียหายไปเจรจากับอาจารย์ทิชา แต่ปรากฏว่าอาจารย์ทิชาไม่ออกมาเจรจาด้วย ให้คุยกับทนายความผ่านทางโทรศัพท์ โดยแจ้งว่า อาจารย์ทิชา ไม่สบายใจที่จะออกมาเจรจาโดยไม่มีทนายความของตัวเองมาอยู่ด้วย พร้อมกับขอเบอร์โทรศัพท์ทนายไพศาลเพื่อที่จะติดต่อกลับมาคุยเรื่องคดีความ

ต่อมาสื่อมวลชนได้ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านสุคนธสวัสดิ์ 1 ซึ่งเป็นบ้านของอาจารย์ทิชา โดยได้ทำการขออนุญาตนิติบุคคลแล้ว แต่ปรากฏว่าบ้านปิดประตูเงียบ ไม่พบอาจารย์ทิชาอยู่ในบ้าน ทราบว่าได้ขับรถยนต์ส่วนตัวออกไปก่อนหน้านี้แล้ว

จากนั้น หมอปลา และ ทนายไพศาล พาผู้เสียหายเดินทางมาที่ สน.โคกคราม เพื่อแจ้งความ เข้าพบ ผกก.สน.โคกคราม ระหว่างพูดคุย หมอปลาพูดถึงประเด็นการรับแจ้งความ ว่า พนักงานสอบสวน มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พูดจาไม่ดี ทำให้ผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความ และเกิดความกลัวทั้ง ๆ ที่เป็นผู้เสียหาย จึงมีการโต้เถียงกันระหว่างหมอปลา กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ขณะที่ นายจิระพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา นำเครื่องรางของขลัง เป็นนางกวัก และตุ๊กตาลูกเทพ ชื่อน้องรถเบนซ์ ซึ่งทางผู้เสียหายได้บูชามาจากอาจารย์ทิชา โดยอาจารย์ทิชาอ้างว่าหากนำไปบูชาแล้วจะร่ำรวย ได้ขับรถเบนซ์ แต่หมอปลาเชื่อว่า เป็นการหลอกลวงและไม่เป็นความจริง จึงได้เปลี่ยนชื่อตุ๊กตาลูกเทพจากน้องรถเบนซ์ เป็นน้องตอแหล พร้อมฝากเตือนว่าไม่มีใครที่จะรวยได้ด้วยวิธีการแบบนี้ คนที่จะรวยก็มีแต่เจ้าของกิจการเท่านั้น ก่อนที่จะนำน้องรถเบนซ์ ตุ๊กตาลูกเทพมาบีบคอและทุ่มไปที่พื้นเพื่อเป็นการยืนยันว่าสิ่งแบบนี้ไม่มีจริง

โดยกรณีนี้ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ อธิบายว่า พฤติการณ์ดังกล่าว เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อาหารและยา ฐานโฆษณาเกินจริงและอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ซึ่งจากการตรวจสอบเลขที่ใบจดแจ้ง พบว่า หมดอายุไปตั้งแต่มกราคม 2565 นอกจากนี้เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ขายตรงและการตลาดตรง และ ความผิดฐานฉ้อโกง

ทั้งนี้ ฝากเตือนประชาชนที่เป็นผู้เสียหายที่ถูกหลอกลักษณะนี้ แล้วเข้าใจว่าการถูกหลอกลงทุน เป็นการจ่ายโดยสมัครใจนั้น ถ้ามองในมุมกฎหมาย สามารถนำข้อมูลมาปรึกษากับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทนายก่อนได้ ไม่อยากให้มาเพียงแค่ลงบันทึกประจำวันเท่านั้น อยากให้ตำรวจรับเรื่องแล้วดำเนินคดี เพราะมันจะเป็นภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นความสบายใจของประชาชน อยากให้ตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชนตามเครื่องแบบที่ท่านสวมใส่