ยายวัย 81 ปี ร่ำไห้ ถูกคนรู้จักเลี้ยงมาตั้งแต่เกิดโกงเงินขายที่ดิน แอบเบิกเงิน 2 ล้านกว่า เกลี้ยงบัญชี

 

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 22 มีนาคม 2565 ที่ชมรมทนายจิตอาสา ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี น.ส.เที่ยง ประชุมสาร อายุ 81 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 5 ตำบลนายาว อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี อดีตพนักงาน ผลิตผ้าห่มไทยแห่งหนึ่งย่านบางเขน เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจาก นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา หลังขายที่ดินที่เป็นมรดกตกทอดจากพ่อแม่จำนวน 11 ไร่ 2 งาน 10 ตารางวา อำเภอพุทธบาท จ.สระบุรี ในราคา 2,700,000 บาท (สองล้านเจ็ดแสนบาท) เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2563

โดยได้เรียก น.ส.รสสุคนธ์ หรือ โบว์ ซึ่งรู้จักกัน และเคยเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ให้มาทำธุรกรรมในการขายที่ดิน และช่วยนำเงินจำนวนดังกล่าวไปฝากธนาคาร ซึ่งน.ส.โบว์ ได้พายายเที่ยงไปเปิดบัญชี คือ ธนาคารTMB สาขาพระพุทธบาท ชื่อบัญชี น.ส.เที่ยง ประชุมสาร จำนวนเงิน 2,200,000 บาท ( สองล้านสองแสนบาท) และเปิดบัญชีธนาคารออมสินสาขาพระพุทธบาทชื่อ น.ส.เที่ยง ประชุมสาร จำนวนเงิน 500,000 บาท (ห้าแสนบาท) หลังจากนั้นปรากฎว่า น.ส.โบว์ ได้สมัครแอปพลิเคชัน กับบัญชีทั้งสอง แล้วทำการถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารTMB จำนวน 2,195,000 บาท และทำการถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารออมสิน จำนวน 500,000 บาท โดยยายเที่ยงไม่ทราบว่ายอดเงินถูกเบิกจนหมด นอนกอดสมุดบัญชีว่างเปล่ามานานกว่า 2 ปี ยายเที่ยงได้สอบถาม น.ส.โบว์ ยอมรับว่า เป็นผู้ถอนเงินออกไปจากบัญชีจริง และจะทยอยคืนเงินให้ แต่ก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จึงได้มาร้องทุกข์กับทนายโป้งเพื่อให้ช่วยเหลือ อยากได้เงินคืน 

ยายเที่ยง กล่าวว่า รู้จักแม่น้องโบว์ตอนไปตัดเสื้อผ้า และรู้จักกันมาตั้งแต่น้องโบว์ยังไม่เกิด ยายทำงานเข้ากะละ 8 ชั่วโมง พอกลับจากทำงานก็จะมาเลี้ยงน้องโบว์จนกว่าจะเข้ากะอีกวัน พ่อแม่น้องโบว์เขาตัดเสื้อผ้าไม่ค่อยมีเวลา ซึ่งตนชอบเด็กผู้หญิง รักน้องโบว์ยิ่งกว่าลูก ตนมีที่นาติดกับน้องสาวอยู่ที่จังหวัดสระบุรี 11 ไร่ 2 งาน น้องสาวขายที่ไปก่อนหน้านี้ โดยไม่ได้บอกกับตน ถ้าบอกตนก็จะพ่วงขายไปด้วยเรื่องคงไม่เป็นแบบนี้ ต่อมามีนายหน้ามาขอซื้อที่ดิน ตนเจ็บใจเรื่องน้องสาวที่ขายที่ดินแล้วไม่บอก ตนจึงได้โทรปรึกษาน้องโบว์ น้องโบว์เลยบอกว่า เดี๋ยวจะคุยกับนายหน้าที่ซื้อที่ดินเอง จะทำเรื่องซื้อขายวันเดียวให้จบเลย หลังจากได้เงินค่าขายที่ดินมา 2 ล้าน 7 แสนบาท ยายเที่ยงให้โบว์กับแฟนนำเงินจัดการฝากธนาคารให้ หลังฝากเงิน ยายได้สมุดธนาคารมา 3 เล่ม ยายเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ผ่านไป 2 ปีกว่า ยายโทรหาโบว์ให้มาหา จะไปธนาคารเพื่อจะดูเงินว่าเหลือเท่าไหร่ ได้ดอกไหม แต่โบว์ไม่ยอมมา ยายจึงตัดสินใจไปที่ธนาคารให้พนักงานเช็กให้ ปรากฎว่าเงินทั้ง 3 บัญชี รวม 2 ล้าน 7 แสนบาท หายไปหมดเลย ยายเลยโทรไปหาโบว์ให้มาคุยกันว่าเงินหายไปไหน แต่โบว์ไม่มา อ้างว่าไม่ว่างขายหอยนางรมอยู่ลูกค้าเยอะบ้าง ไม่มีเวลาบ้าง กักตัวบ้าง บ่ายเบี่ยงตลอดแต่ยายไม่เคยว่าอะไรโบว์ ยายเสียใจมาก เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก แม่ไม่มีนมให้กินยายก็ต้องไปซื้อนมมาให้ ยายรักยิ่งกว่าพี่น้องยายอีก เอาเงินยายไปไม่ว่า เก็บเงินไว้ให้ยายสัก 5 แสนก็ยังดี นี่เอาไปหมดเลย ตอนนี้ยายไม่เหลืออะไรแล้ว คิดถึงเมื่อไหร่น้ำตาไหลทุกที เรารักมัน มันทำกับเราแบบนี้ เจ็บมากกว่าโจรมาปล้นอีก เมื่อสองวันที่แล้วโทรไป โบว์บอกว่าจะผ่อนใช้ให้ ตนไม่เชื่อ เพราะเงินไม่มีในธนาคารแล้ว แต่สามีโบว์บอกว่าเงินขี้ปะติ๋วเค้ามีบ้านตั้ง 3 หลัง ยายไม่รู้จะทำยังไง

ตอนนี้บ้านยายไม่มีอยู่ มันเต็มที่จริง ๆ ได้แจ้งความไว้กับทางตำรวจ ฝากถึงคนที่แก่ ถ้ามีใครมายืมเงินอย่าให้เพราะจะไม่ได้คืน ซึ่งก่อนหน้านี้ยายยังไม่ได้ขายที่ โบว์มายืมทองไปจำนำ บอกว่าเดี๋ยวเอามาให้ พอทวงก็ไม่ได้ มายืมไปหลายครั้งแล้ว เส้น 2 บาท เส้นละ 3 บาท น้ำพักน้ำแรงของยายทั้งนั้น ทุกวันนี้ยังไม่ได้คืน ตอนเอาไปได้ แต่ตอนคืนไม่ยอมมาคืน ตนถามว่าพ่อแม่รู้ไหม เขาตอบว่ารู้ แต่ไม่มีใครช่วยเหลืออะไร ตนเคยถามธนาคารว่าเงินยายถูกถอนไปได้ยังไง ทางธนาคารก็งงว่าเบิกไปได้ยังไง วันนี้เลยมาร้องให้ทางทนายโป้งช่วยเหลือ

ทางด้านทนายโป้ง กล่าวว่า สืบเนื่องจากคุณยายได้รับเลี้ยงเด็กไว้ 1 คน เริ่มต้นจากคุณแม่เขาตั้งท้อง และไม่อยากได้เด็กหญิงคนนี้ จะทำแท้ง จึงได้ปรึกษาคุณยาย ด้วยความเมตตาคุณยายเลยบอกว่าอย่าไปทำแท้งเลย ถ้าคลอดมาเป็นผู้หญิง คุณยายจะเลี้ยงเอง ถ้าเป็นผู้ชายไม่เลี้ยง เนื่องจากผู้ชายจะซน หลังจากนั้นได้คลอดออกมาเป็นผู้หญิงชื่อน้องโบว์ คุณยายเลี้ยงมาตลอด จนกระทั่งมีครอบครัวมีลูกมีสามี วันดีคืนดีวันที่ 20 มกราคม 2563 คุณยายได้รับการติดต่อทาบทามมีคนมาซื้อที่ที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี 11 ไร่ กับ 2 งาน คุณยายจึงได้เรียกน้องโบว์ ซึ่งรักเหมือนลูก เลี้ยงมา 20 - 30 ปี แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ยายบอกน้องโบว์ว่า มาดูเรื่องขายที่ให้แม่หน่อย น้องโบว์มาดูแล้วทำเรื่องขายที่ให้ เป็นเงินทั้งหมด 2 ล้าน 7 แสนบาท ในสัญญาระบุว่าจ่ายเป็นเงินสด จำนวน 5 แสนบาท อีก 2 ล้าน 2 แสนบาท จ่ายเป็นเช็ค ซึ่งคุณยายไม่รู้เรื่องอะไรเลยทางน้องโบว์จัดการให้หมดโดยเอาเช็ค 2 ล้าน 2 แสนบาท ไปเข้าบัญชีธนาคาร บัญชีหนึ่งแล้วถอนเงินมา 1 ล้านบาท เพื่อเอาไปซื้อสลากออมสินให้คุณยาย ส่วนอีก 5 แสน เอาไปเข้าบัญชีธนาคาร อีกธนาคารหนึ่ง โดยบอกคุณยายว่า เงินก้อนนี้เก็บไว้เพื่อจะใช้จ่ายตลอดชีวิต ส่วนเงิน 1 ล้าน 2 แสนบาท ฝากประจำไว้ ส่วนเงิน 1 ล้านบาทซื้อสลากออมสินไว้ รวมแล้วเป็นเงิน 2 ล้าน 7 แสนบาท คุณยายไว้เนื้อเชื่อใจ แต่ในระหว่างที่ทำธุรกรรมกับธนาคาร คุณยายบอกนั่งอยู่กับโบว์ตลอดเวลา โบว์เขาเรียกไปเซ็นเอกสารหน้าเคาน์เตอร์ แต่ทำอะไรบ้างคุณยายไม่รู้ เซ็นเสร็จก็ได้บัญชีธนาคารมา 3 เล่ม เล่มแรกจำนวนเงิน 1 ล้าน 2 แสนบาท (บัญชีฝากประจำ), เล่มที่ 2 (สลากออมสิน) จำนวนเงิน 1 ล้านบาท, เล่มที่ 3 (บัญชีออมทรัพย์) จำนวนเงิน 5 แสนบาท คุณยายได้เก็บสมุดบัญชีทั้ง 3 เล่มนี้ไว้เป็นเวลา 2 ปีกว่า อยากรู้ว่าได้ดอกเบี้ยเท่าไหร่ เลยเอาสมุดบัญชีไปอัปเดตปรากฏว่าเงินหายหมด ไม่เหลือสักบาท บางบัญชีเหลือเพียง 1 บาท 50 สตางค์ เลยไปสอบถามธนาคาร หลังธนาคารดู statement เจ้าหน้าที่บอกว่า เกิดจากการถอนจากแอปฯทางโทรศัพท์มือถือ ถอนผ่านตู้ ATM บ้าง คุณยายไม่ได้ใช้สมาร์ตโฟน และไม่รู้เรื่องถอนเงินออกเลย ซึ่งเรื่องนี้อาจจะเป็นไปได้ที่น้องโบว์อาจจะรู้กันกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร เพราะขั้นตอนในการฝากเงิน ถ้าจะมาเปิดเป็น Application เพื่อทำธุรกรรมผ่านมือถือ จะต้องมีการกรอกข้อมูลยืนยัน ตัวตนผ่านแอปพลิเคชันเพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารเห็นคุณยายอายุเยอะขนาดนี้ น่าจะสอบถามว่าคุณยายใช้เป็นไหม ตนสงสัยไว้ก่อนว่าจะเป็นการร่วมไม้ร่วมมือกับน้องโบว์หรือเปล่า

ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการ สืบสวนสอบสวนเพื่อหาผู้กระทำความผิด เบื้องต้น จากการที่ปรารถนาดีหรือหวังดีไม่บอกข้อเท็จจริงอาจจะเป็นเรื่องของฉ้อโกง และเปิดแอปฯ ในการถอนเงิน ถือว่าเป็นการลักทรัพย์ ผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ผู้เสียหายทั้งคุณยายและทางธนาคาร จะต้องมาดูแลรับผิดชอบทั้งข้อหาคดีอาญา ในการลักทรัพย์ผ่าน บัตรอิเล็กทรอนิกส์ และข้อหาฉ้อโกงส่วนในเรื่องของ สร้อยคอ แหวน กำไล เลสข้อมือ ซึ่งเป็นทองคำมูลค่าน้ำหนักประมาณ 20 บาท อันนี้จะเป็นเรื่องของการยักยอก ขอฝากน้องโบว์ไว้ น้องโบว์เอาไปจำนำแล้วไม่เอามาคืน หรือแกล้งบอกว่าเอาไปจำนำ จะอยู่กับน้องโบว์ก็จะเป็นข้อหาฉ้อโกง โดยทั้งหมดจำนวนเงิน 2 ล้าน 7 แสนบาท และทองคำ น้ำหนักประมาณ 20 บาท น้องโบว์ต้องรับผิดชอบ ในกรณีที่ธนาคาร ซึ่งตนเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารอาจจะมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือเปล่าต้องฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับพนักงานธนาคาร และเรียกร้องธนาคารออมสิน ธนาคารทหารไทย ออกมาดูแลรับผิดชอบด้วย เพราะคุณยายถือเป็นลูกค้า เงินหายไปที่อยู่ในบัญชี เงินฝากธนาคารมีความ ผิดพลาดของพนักงาน ธนาคารเพราะฉะนั้นธนาคารต้องออกมารับผิดชอบ เนื่องจากคุณยายได้ไปแจ้งพนักงานสอบสวนแล้ว ในประจำวันที่ตนเห็น แจ้งเป็นข้อหาลักทรัพย์ผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ พรุ่งนี้ต้นจะพาคุณยายไปพบพนักงานสอบสวน ไปพบผู้กำกับการสภ. ที่ได้แจ้งความไว้ เพื่อให้พนักงานสอบสวนหรือผู้กำกับ เดินตามตามขั้นตอนที่ถูกต้องครบถ้วน ยังไงต้องเรียกน้องโบว์มาให้ปากคำว่ากระทำความผิดหรือเปล่า หวังอย่างยิ่งว่าพนักงานสอบสวนที่คุณยายไปแจ้งความไว้ จะดำเนินการให้คุณยายเร็วๆ เรียกน้องโบว์มาสอบปากคำแจ้งข้อหาดำเนินคดี หาข้อมูลข้อเท็จจริงไปถึงพนักงานธนาคารที่รู้เห็นเป็นใจในการทำแอปฯ วันนี้ต้องดำเนินคดีกับพนักงานธนาคารด้วย