ศึกเลือกตั้งที่ดุเดือดที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลี โดย "ยุน ซอค-ยอล" จากพรรคฝ่ายค้าน People Power Party เอาชนะ พรรครัฐบาล Democratic Party พร้อมเผย จะซบอกสหรัฐฯ ทันทีที่ได้นั่งเก้าอี้ "ประธานาธิบดีคนที่ 20" ของสาธารณรัฐเกาหลี

 

วันที่ 10 มีนาคม 2565 สำนักข่าวอารีรัง รายงานว่า "ยุน ซอค-ยอล" จากพรรคฝ่ายค้าน People Power Party และ "อี แจ-มยอง" จากพรรครัฐบาล Democratic Party มีคะแนนที่สูสีกันที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งผลคะแนนต่างกันไม่ถึง 1% โดย "ยุน ซอค-ยอล" ได้คะแนนโหวตไป 16,394,815 เสียง จาก 34,067,853 เสียง มากกว่า "อี แจ-มยอง" อยู่ 247,077 เสียง เป็นเหตุให้ "ยุน ซอค-ยอล" กลายเป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ไปเป็นที่เรียบร้อย

ทั้งนี้ ผู้สมัครจากทั้ง 2 พรรค มีคะแนนสูสีกันมาตั้งแต่เริ่มเปิดการหาเสียงเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจากหลายสำนัก ครั้งล่าสุดเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้ง ชี้ตรงกันว่า ผู้สมัครจากพรรคฝ่ายค้าน (ยุน ซอค-ยอล) น่าจะคว้าชัยชนะในศึกการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้สมัครอันดับ 3 ประกาศถอนตัว และหันมาสนับสนุน "ยุน ซอค-ยอล" แทน

โดย "ยุน ซอค-ยอล" มีนโยบายที่แข็งกร้าวต่อเกาหลีเหนือ พร้อมประกาศว่า หากได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี ก็พร้อมสั่งยิงโจมตีเกาหลีเหนือเพื่อปกป้องประเทศทันที หากเกาหลีเหนือโจมตีเกาหลีใต้ อีกทั้ง "ยุน ซอค-ยอล" เคยประกาศเอาไว้อย่างชัดเจนว่า จะเลิกใช้นโยบายที่ "มุน แจ-อิน" ทำเอาไว้ นั่นคือ การเหยียบเรือสองแคม โดยเลือกทั้งสหรัฐฯ และจีน และหลังจากที่ได้นั่งเก้าอี้ผู้นำคนใหม่ของเกาหลีใต้ เขาจะหันไปซบอกสหรัฐฯ เพียงฝ่ายเดียว

ด้านนโยบายถูกจับตามองที่สุดของ "ยุน ซอค-ยอล" คือ การเตรียมจัดซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศในบรรยากาศชั้นสูงจากสหรัฐฯ ทั้งนี้ ใช้สำหรับยิงสกัดขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ด้านจีนคัดค้านเสียงแข็งมาโดยตลอด เนื่องจากกังวลว่า เรดาร์ระบบป้องกันภัยดังกล่าวอาจถูกนำมาใช้ติดตามความเคลื่อนไหวของการทดสอบขีปนาวุธในจีนได้ ซึ่งนโยบายนี้อาจกลายเป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ หลังจากเคยงัดข้อกันมาแล้วเมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่ง "ยุน ซอค-ยอล" จะถือโอกาสนี้ฟื้นความสัมพันธ์กับจีนใหม่อีกครั้งหนึ่ง หลังจากโจมตีรัฐบาลปัจจุบันว่า ทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นประเทศขี้ขลาดตาขาว

สื่อต่างประเทศยังรายงานว่า "ยุ ซอ-ยอ" ยังมีนโยบาย และมีการแสดงออกว่าไม่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศในช่วงหาเสียง โดยถูกมองว่าเป็น Ani-feminist หรือกลุ่มคนที่ต่อต้านความเท่าเทียมทางเพศ โดยหนึ่งในนโยบายหลัก หลัง "ยุ ซอ-ยอ" เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาคือ การยุบกระทรวงความเท่าเทียมทางเพศครอบครัว ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาเคยกล่าวหารัฐมนตรีกระทรวงความเท่าเทียมทางเพศฯ ว่า ปฏิบัติต่อผู้ชายราวกับเป็น “อาชญากรทางเพศ” รวมถึงเตรียมเสนอเพิ่มโทษที่รุนแรงขึ้นในกฎหมายแจ้งความเท็จในประเด็นการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งนักวิเคราะห์นโยบายการเมืองมองว่า เป็นการกดทับสิทธิทางเพศให้ล้าหลังมากกว่าเดิมโดยอ้างหลักประชาธิปไตย

หลังจากนี้ อาจต้องจับตาดูต่อไปว่า ชะตา และทิศทางความสัมพันธ์บนคาบสมุทรเกาหลี ภายใต้ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ "ยุน ซอค-ยอล" นับจากนี้ไปอีก 5 ปี จะเป็นอย่างไร 

 

ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก ยุน ซอค-ยอล