แพทย์นิติเวชคาด แผลที่พบบริเวณขาแตงโมอาจเกิดจากฟินหรือหางเสือ มากกว่าใบพัดเรือ พบแผลมีขนาดใหญ่ เชื่อว่าหากแตงโมตกน้ำไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และมองว่าเรือลำเกิดเหตุ ถูกอายัดช้าเกินไป จึงอาจถูกทำลายหลักฐานบางอย่าง ยากต่อการตรวจสอบ
วันที่ 3 มี.ค. 2565 - นายแพทย์วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี นายแพทย์ภาควิชานิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เปิดเผยกรณีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา โดยมองว่า บาดแผลของแตงโมที่พบบริเวณต้นขาขวา พบว่าค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากมีความยาวเกือบ 1 ฟุต และลึกถึงกระดูก ซึ่งบริเวณนั้นจะอยู่ในตำแหน่งที่มีเส้นเลือดแดงใหญ่ที่ต้นขา เลือดจะออกในปริมาณที่มาก ซึ่งหากบาดแผลเกิดขึ้นก่อนตกน้ำหรือหลังตกน้ำไปแล้ว จะทำให้แตงโม ช่วยเหลือตัวเองยากลำบาก เนื่องจากต้องทนกับความบาดเจ็บและต้องใช้สติในการช่วยตัวเองให้ขึ้นจากน้ำ จึงทำให้ยากมากที่จะสามารถลอยคอเหนือน้ำได้
โดยบาดแผลที่เกิดขึ้นบริเวณขาของแตงโม เชื่อว่า เกิดจากของมีคม ซึ่งลักษณะบาดแผลอาจไปถูกฟินหรือหางเสือเรือ ที่อยู่ใต้ใบพัดเรือ เนื่องจากบริเวณนั้นลักษณะเป็นแผ่นเหล็กที่จะสามารถครูดบริเวณต้นขาได้ หลังจากนี้ต้องไปตรวจสอบบริเวณกระดูกต้นขาของแตงโม
ถ้าหากถูกฟินของเรือครูดจริง บริเวณกระดูกจะต้องเป็นรอยเส้นตรง แผลจะเป็นทางตรง แต่ถ้าถูกใบพัดเรือรอยกระดูกจะมีรอยหยัก บริเวณเนื้อจะยุ่ยจากการถูกใบพัด ซึ่งลักษณะจะไม่เหมือนกัน
ส่วนกรณีที่หลายคนสงสัยว่า แตงโมไปปัสสาวะบริเวณนั้นจริงหรือไม่ หลักทางนิติวิทยาศาสตร์สามารถตรวจได้ แต่ค่อนข้างยาก เนื่องจากกระเพาะปัสสาวะของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ประกอบ หลังจากที่แตงโมตกน้ำไป เป็นไปได้ว่าปัสสาวะอาจจะไหลไปพร้อมกับน้ำ หรือแม้กระทั่งการนำร่างขึ้นมาบนเรือ ระหว่างนั้นปัสสาวะก็อาจจะไหลได้เช่นกัน เนื่องจากเมื่อเสียชีวิตแล้ว บริเวณหูรูดจะถูกเปิดออก ซึ่งการตรวจสอบต้องไปดูภายในท่อปัสสาวะ ว่ามีปัสสาวะตกค้างอยู่หรือไม่ และตรวจสอบบริเวณจุดที่อ้างว่าแตงโมลงไปเหยียบบริเวณท้ายเรือ จะต้องมีร่องรอยของดีเอ็นเอของแตงโม
ส่วนกรณีที่พบโคลนและทรายในปอดของแตงโม ในมุมมอง เชื่อว่าแตงโมยังไม่เสียชีวิตทันทีระหว่างจมน้ำ เนื่องจากหายใจเอาดินโคลนหรือทรายที่ลอยอยู่ในน้ำเข้าไปในปอด ประกอบกับลักษณะทางกายภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแม่น้ำที่ไหลอยู่ตลอดเวลา ทำให้อาจเกิดโคลนหรือทรายที่ลอยอยู่ในน้ำ แล้วไหลเข้าไปในปอดของแตงโมได้
เหตุการณ์ครั้งนี้ นายแพทย์วีระศักดิ์ มองจุดอ่อนของการตรวจสอบในครั้งนี้ และทำให้หาหลักฐานยาก คือหลังเกิดเหตุ ยังไม่ได้อายัดเรือลำดังกล่าวไว้ตรวจสอบในทันที อาจทำให้พยานหลักฐานบางส่วนที่อยู่บนเรือถูกทำลาย ทำให้หลักทางนิติวิทยาศาสตร์ยากต่อการตรวจสอบมากยิ่งขึ้น
ส่วนบริเวณใบหน้าที่มีรอยดำ ช้ำ ที่หลายคนอาจตั้งข้อสังเกตว่า แตงโมอาจถูกทำร้ายด้วยหรือไม่ นายแพทย์วีระศักดิ์ ยืนยันว่า ผลทางนิติเวชของโรงพยาบาลตำรวจ ออกมาเปิดเผยแล้วว่าบริเวณที่พบบาดแผลของแตงโมที่พบอยู่บริเวณช่วงล่าง ตั้งแต่ลำตัวลงไปเท่านั้น ไม่มีบาดแผลบริเวณเหนือลำตัวขึ้นไปรวมถึงบริเวณใบหน้า ส่วนที่เป็นสีดำและช้ำ คาดว่าเกิดจากที่อยู่ภายในน้ำล่างของแตงโมอาจถูกแสงแดดส่อง จึงทำให้บริเวณใบหน้าเกิดการเน่าได้ ประกอบกับร่างกายจะบวมขึ้น น้ำจะเข้าไปตามเส้นเลือดทั่วร่างกาย