ศาลไต่สวนนัดเเรก คดีใช้ถุงดำคลุมศีรษะผู้ต้องหายาเสพติด 'อดีต ผกก.โจ้' ปฏิเสธข้อหาร่วมฆ่าผู้อื่น ขอศาลเมตตา ทำไปเพื่อต้องการขยายผลจับกุม จำเลยที่ 5-6-7 ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ระบุอยู่ที่เกิดเหตุจริง เเต่ไม่เจตนาทำร้าย นัดวันตรวจพยานหลักฐาน ม.ค. 65

 

วันที่ 19 พ.ย. 2564  เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้เบิกตัว พันตำรวจเอกธิติสรรค์  และพวกรวม 7 คน เป็นจำเลยในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบ  ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย และร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้าย จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครไปที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อสอบคำให้การจำเลยว่ารับสารภาพหรือไม่

เมื่อผู้พิพากษาขึ้นนั่งบัลลังก์ได้แจ้งสิทธิต่อจำเลย และสั่งให้มีเพียงทนายความ และตัวจำเลย อัยการโจทก์ และเจ้าหน้าของกรมราชทัณฑ์อยู่ภายในห้องเท่านั้น ก่อนที่จะอ่านคำฟ้องให้จำเลยทั้ง 7 ฟัง

โดย พ.ต.อ ธิติสรรค์ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา157 และมาตรา 172 ตาม พ.ร.ก.และรับสารภาพในฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น แต่ปฏิเสธข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยการกระทำอันโหดร้าย ตามมาตรา 289

โดยแถลงต่อศาลว่า "ตัวเองและลูกน้องไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตาย แต่ต้องการขยายผลการจับกุมยาเสพติด ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาสังคม ยืนยันมีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศ ไม่มีเจตนากระทำการทุจริตใด ๆ ต่อหน้าที่ หรือเรียกรับเงินจากผู้ตายจึงขอความเมตตาต่อศาล"

ส่วนจำเลยที่ 2 3 และ 4 ต่างให้การรับสารภาพและปฏิเสธข้อหาแตกต่างกันไป ส่วนจำเลยที่ 5 6 และ 7 ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา จำเลยอ้างว่าอยู่ในที่เกิดเหตุจริง และไม่มีเจตนาทำร้ายผู้ต้องหา ทำไป เพราะได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา โดยศาลนัดวันตรวจพยานหลักฐานในช่วงเดือน ม.ค. จากนั้นจะนัดสืบพยานอีกครั้ง

ส่วนบรรยากาศเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีญาติและเพื่อนของผู้ต้องหาทั้งหมดได้เดินทางเข้าร่วมฟังการไต่สวนในครั้งนี้ด้วย