ปัญหาตระกูล! ญาติเหยื่อมือยิง 2 ศพ เชื่ออีกฝ่ายเจตนาฆ่า ไม่ใช่ป้องกันตัว ฝั่งลูกชายผู้ก่อเหตุลั่นไม่ยอมให้พ่อผิดฝ่ายเดียว เผยเคยถูกทำร้ายร่างกายมาก่อน ฟากมือยิงระบุเป็นเรื่องค้างเก่าและถูกกระทำเช่นกัน
วันที่ 11 พ.ย.2564 เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วยตำรวจ สน.บางขุนนนท์ ลงพื้นที่ภายในชุมชนคลองล่าง ซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ เพื่อตรวจสอบกรณีที่นายธุรการ ยังบรรเทา หรือหมู อายุ 67 ปี ใช้ปืนยิง ร.ต.ทำนุ แจ้งจิตร อายุ 61 ปี เสียชีวิตเป็นรายแรก ก่อนที่จะไล่ยิง นายสมัชฌ์ ประชุมพันธ์ อายุ 40 ปี เสียชีวิตเป็นรายที่ 2 ต่อมาใช้ปืนกระบอกเดียวกันวิ่งตามไปยิง น.อ.สันชัย ประชุมพันธ์ อายุ 59 ปี ที่วิ่งหนีตายไปบริเวณหลังบ้านโดนเข้าที่กลางหลังได้รับบาดเจ็บสาหัส อีก 1 ราย ซึ่งทั้งผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตรวมถึงผู้บาดเจ็บเป็นเครือญาติกัน เหตุเกิดกลางดึกคืนวานนี้(10 พ.ย.2564)
โดยจุดเกิดเหตุพบคราบเลือดใหญ่ บริเวณถนนทางเข้า-ออกบ้าน รวมถึงภายในบ้านพักและโรงจอดรถของบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่กั้นพื้นที่ไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้าออกที่เกิดเหตุ เกรงว่าจะทำให้หลักฐานบางอย่างสูญหาย
นายนวพันธ์ ชัยเลิศ ลูกพี่ลูกน้องผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ปกติรถของลูกชายผู้ก่อเหตุจะจอดอยู่ริมถนน ไม่ค่อยเข้ามาจอดในพื้นที่บ้านบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนตัวมองว่าลูกชายผู้ก่อเหตุอาจจะเจตนาเข้ามาเพื่อหาเรื่อง เพราะก่อนหน้านี้เคยมีปัญหาไม่ค่อยลงรอยกันมาก่อน และเคยมีปากเสียงกันนานกว่า 5 ปี เกี่ยวกับเรื่องที่ดินของภรรยาผู้ต้องหาที่ผู้ต้องหานำไปจำนองจนถูกยึด กระทั่งญาติฝ่ายผู้เสียชีวิตไปซื้อคืนเพราะไม่ต้องการให้ที่ดินมรดกตกเป็นของคนอื่น ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีคำสั่งศาลฟ้องขับไล่ผู้ต้องหาแต่ผู้ต้องหาไม่ยินยอมที่จะย้ายออก จึงมีปัญหาความแค้นเรื่องนี้มาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาเคยนำอาวุธปืนมาข่มขู่ญาติหลายครั้ง จนญาติต้องแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนเรื่องที่ผู้ต้องหาให้การว่าไม่ได้จงใจยิงจนถึงชีวิต เพียงแต่ยิงขู่บริเวณขา แต่ผู้เสียชีวิตก้มหลบลงมาจนโดนศีรษะเสียชีวิตนั้น ญาติไม่เชื่อ เพราะหลักฐานจากกล้องวงจรปิดเห็นชัดว่า หลังจากที่ผู้ต้องหานำอาวุธปืนขึ้นมาได้ยิงใส่ผู้เสียชีวิตทันที และตามยิงคนอื่นที่เหลืออีกหลายนัด จนมีผู้เสียชีวิตถึงสองคน และบาดเจ็บสาหัสอีกหนึ่งคน
นอกจากนี้ นายนวพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า หลังจากเกิดเหตุ นายบาสลูกพี่ลูกน้องที่เสียชีวิตมาเข้าฝัน บอกว่าโกรธแค้นที่ผู้ต้องหาฆ่าพ่อและฆ่าตัวเอง ยิ่งทำให้รู้สึกเสียใจกับการกระทำของผู้ต้องหา
ขณะที่ พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผกก.สน.บางขุนนนท์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้สั่งการให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บพยานหลักฐานอีกครั้ง เพื่อหาวิถีกระสุนว่า มาจากทิศทางไหนบ้าง เบื้องต้นการสอบปากคำผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจริง ก่อนหน้านั้นเคยมีปัญหาขัดแย้งภายในครอบครัวกันอยู่แล้ว ส่วนข้อกล่าวหาขณะนี้พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพยายามฆ่า และเตรียมแจ้งข้อหาบุกรุกเพิ่มเติมอีกข้อหา เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติกรรมบุกเข้าไปในบ้านผู้เสียชีวิตก่อนขณะก่อเหตุด้วย
ส่วนพยานที่ให้ข้อมูลว่าลูกชายผู้ต้องหาถ่ายคลิปวิดีโอขณะที่พ่อก่อเหตุไว้โดยไม่มีการห้ามปราม หลังจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุหรือไม่ หากพบพฤติกรรมเป็นไปตามที่พยานให้ข้อมูลอาจจะมีการตั้งข้อหากเพิ่มกับลูกชายผู้ก่อเหตุด้วย
ขณะที่นายปองภูมิ ยังบรรเทา อายุ 27 ปี ลูกชายของนายธุรการผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า วันนี้ได้นำทนายมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อสู้คดี เนื่องจากไม่ยอมให้พ่อเป็นคนผิดฝ่ายเดียว ที่พ่อต้องลงมือก่อเหตุเช่นนั้น เป็นเพราะต้องการปกป้องตัวเองซึ่งเป็นลูกชาย โดยก่อนเกิดเหตุได้ขับรถเพื่อจะเข้าบ้านตามปกติ แต่พวกเขากีดขวางไม่ยอมให้เข้า พร้อมกับใช้คำพูดไม่ดี เกี่ยวโยงเรื่องที่ดินที่มีข้อพิพาทกันอยู่ โดยถูกลุงออด(น.อ.สันชัย ผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นคนพูด) พูดใส่ว่า "จะทำไม ก็ที่ดินกู" จึงทำให้ตัวเองและพ่อไม่พอใจ ประกอบกับที่ผ่านมาเคยถูกครอบครัวของลุงออดและญาติกลุ่มนั้น ข่มขู่และทำร้ายร่างกายมาก่อน ซึ่งครอบครัวได้แจ้งความกับตำรวจเอาไว้เช่นกัน
ขณะที่พนักงานสอบสวน นำตัวนายธุรการ ผู้ก่อเหตุ ออกมาสอบปากคำ ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงสาเหตุการก่อเหตุครั้งนี้ โดยนายหมูตอบเพียงสั้น ๆ ว่ามันเป็นเรื่องของสังคม เป็นเรื่องค้างเก่าที่ทะเลาะกันมานานแล้ว ทีมข่าวพยายามสอบถามว่าถูกดันเรื่องอะไร แต่นายหมู บ่ายเบี่ยง ไม่ยอมขอโทษผู้ตายและผู้บาดเจ็บ ยืนยันจะต่อสู้คดี อ้างว่าถูกกระทำด้วยเช่นกัน