พม.แถลง รวบตัวนักพัฒนาสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ พก. หลังก่อเหตุยักยอกเงิน 13 ล้านบาท เจ้าตัวสารภาพก่อเหตุคนเดียว เตรียมนำตัวส่งศาลทุจริต 20 กันยายน


สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2564 ตำรวจ สน.พญาไท สนธิกำลังตำรวจ สตม. เข้าจับกุม นายพิศาล สุขใจธรรม นักพัฒนาสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ หรือ พก.สังกัด พม. ซึ่งปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานการเงินและบัญชี ผู้ต้องหาตามหมายศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหา "ฉ้อโกง" หลังทุจริตเงินกลุ่มเปราะบาง 13 ล้านบาท ขณะกำลังหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย 

ล่าสุด วันนี้ (19 ก.ย.2564) นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ มีคำสั่งให้นักพัฒนาสังคมสงเคราะห์ชำนาญการคนดังกล่าวออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องจากพบว่ายักยอกเงินของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการไป โดยเผยว่า นายพิศาล สุขใจธรรม ยักยอกเงินไปจำนวน 13 ล้านบาทจริง แต่ยืนยันว่าเป็นเงินนอกงบประมาณ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินอุดหนุนคนเปราะบาง เนื่องจากบัญชีนี้ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหว ทำให้ไม่ผิดสังเกต แต่ พม.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตั้งแต่ที่พบการทุจริต ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ ที่ สน.พญาไท ตั้งแต่วันแรกที่ทราบเรื่อง และได้มีการหารือภายในให้ดำเนินการตรวจสอบการทุจริตจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ ขณะที่กำลังหลบหนีข้ามชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย

ดังนั้น กรมส่งเสริมพัฒนาและคุณภาพชีวิตในฐานะเจ้าทุกข์ ได้ดำเนินการยื่นคัดค้านประกันตัวนายพิศาลต่อไป และออกจากราชการไว้ก่อน ระงับการจ่ายเงินเดือน พร้อมทั้งส่งเรื่องไปยัง ปปง.ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จโดยด่วน เร่งปิดช่องโหว่การทุจริตให้ทุกกรมในกระทรวง เปลี่ยนรหัสเข้าถึงบัญชี เพื่อป้องกันการยักยอกเงินซ้ำรอย

ด้าน นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ระบุถึงพฤติการณ์ของผู้กระทำความผิด ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าการบัญชี และมีความรู้เกี่ยวกับด้านบัญชี เทคโนโลยี จากการตรวจสอบบัญชีย้อนหลังได้ 3 เดือน พบความปกติเงินถูกโอนเข้ายังบัญชีนายพิศาลหลายครั้ง

จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพกับ ตำรวจ ปปป.ว่า ก่อเหตุเพียงคนเดียว แม้ว่าจะมีข้าราชการที่รู้รหัสเข้าบัญชีของกรม พก. 3 คน และจะโอนเงินก็ต่อเมื่อมีรหัสเข้าบัญชี 2 ใน 3 คน ทำให้ พม.ยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะกระทำคนเดียวจริง แต่ก็พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ขณะเดียวกัน จากการรายงานเบื้องต้นพบผู้ต้องหามีพฤติการณ์แบบนี้มากว่า 1 ปีแล้ว และมีรายงานว่ามีการยักยอกเงินไปได้กว่าหลายสิบล้านบาท จึงต้องรอตรวจสอบเส้นทางการเงินอีกครั้ง เนื่องจากผู้ต้องหาย้ายมาทำงานที่กรม พก.ตั้งแต่ปี 2561 ส่งผลให้ พม.เตรียมยื่นเรื่องไปยังกรมบัญชีกลาง เพื่อขอตรวจสอบบัญชีย้อนหลัง ขยายผลการดำเนินคดี

ด้าน ปปท.ในฐานะเลขาศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. ดำเนินการกำกับติดตามการดำเนินการสอบสวนทางปกครองและวินัยของ พม. พร้อมเร่งปิดช่องโหว่การทุจริต เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงไม่ให้เกิดซ้ำรอยคดีทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่ง

โดยหลังจากกระบวนการสอบปากคำ และบันทึกการจับกุมเสร็จ เจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้หาส่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง ในวันพรุ่งนี้ 20 ก.ย.2564