เปิดบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ 'เร้นรอย' นวนิยายที่ 'ทมยันตี' เขียนไม่จบ ศิลปินผู้นี้ซ่อนเเก่นอะไรไว้ในเรื่อง 

 

เชื่อเเน่ว่า สิ่งที่นักเขียนอาชีพกลัวมากที่สุด นั่นคือ "กลัวตายก่อนเขียนจบ"

'พนมเทียน'  หรือฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ เจ้าของผลงานมหากาพย์ 'เพชรพระอุมา' ก็เคยมีความรู้สึกนั้น 

เขาให้สัมภาษณ์กับนิตยสารสารคดีว่า “ความตายนั้นผมไม่กลัว แต่กลัวจะเขียนเรื่องไม่จบ เพราะท่านผู้อ่านของผมที่ติดตามเรื่องมานั้นท่านได้ลาโลกไปแล้วหลายต่อหลายท่านก่อนที่เรื่องจะจบ ซึ่งท่านคงจะคิดสาปแช่งผมมากมายหลังจากที่ท่านถึงแก่กรรมไปแล้ว (ถ้าท่านยังสามารถคิดได้) และสำหรับผมนั้น เท่าแล้วเท่ารอดก็ยังไม่ตายสักที มีชีวิตอยู่ต่อมาได้จนกระทั่งเรื่องจบสมบูรณ์”

ยังมีนักเขียนทั้งในเเละต่างประเทศอีกหลายท่านที่เสียชีวิตก่อนผลงานจะเขียนจบ 

'ทมยันตี' หรือคุณหญิง วิมล ศิริไพบูลย์ คืออีกหนึ่งนักเขียนที่ลาลับโลกวรรณกรรมไป เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2564 อย่างสงบ โดยผลงานเรื่องล่าสุด เพิ่งเเต่งไปได้เพียง 3 ตอนเท่านั้น 

ข้อมูลนี้ ได้รับการเปิดเผยจาก รักชนก นามทอน บรรณาธิการ สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม ว่าคิดถึง เร้นรอย นิยายที่ได้ทำงาน ได้อ่าน...ปฐมบท และสามบทแรก ผ่านต้นฉบับลายมือ ตัวหนังสือสีม่วงตวัดหางยาว ๆ ยังติดตา

ได้ตรวจงานเรียบร้อยและส่งคืนเป็น artwork เพื่อให้ท่านอ่านสำหรับเตรียมเขียนบทต่อไป หลังจากนั้นได้คุยถึงโครงเรื่องหลักอย่างยาว ๆ กับท่านอีกสองสามครั้งทางโทรศัพท์ ถึงจะเป็นบรรณาธิการ แต่ความสงสัยใคร่รู้ (ก่อน) ก็ไม่น้อยหน้านักอ่านคนหนึ่ง

"แม่หนูอี๊ด ในทวิภพนางเอกแวบไปทางกระจก เร้นรอยนี่ไปพบกันยังไง?"
 
"ใครไปหาใครครับแม่ พระหรือนาง...ย้อนไปในอดีต หรืออดีตมาในปัจจุบัน?"
ถาม...ถาม...ถาม...ท่านก็บอกนะ
 
"เออน่า เอ็งตามอ่านเอา เดี๋ยวก็รู้ก่อนคนอื่นเค้าอยู่แล้ว"
 
ดังนั้น เสียงใส ๆ ในบทต้น ๆ ที่ท่องบทสวดแจ้ว ๆ แบบเจ้าตัวร้ายที่จำได้มั่งไม่ได้มั่งก็แอบดูโพยเพื่อแจ้ว ๆ ต่อนั้น ก็เลยคาดเอาเอง (ไม่น่าจะคาดผิดหรอก) ว่า...น่าจะนางเอกนะ แล้วเหตุการณ์ในอุทยานประวัติศาสตร์หรือวัดนะ จำไม่ได้ ที่สุโขทัยน่ะ แต่จับความรู้สึกของเรื่องว่า พอตอนหน้าพระเอกคงจะมาให้ยลแน่นอน
 
นี่แหละ ทมยันตี ที่นักอ่านอย่างพวกเราเกาะติดหนึบ อยากรู้เรื่องราวต่อไม่รู้จบ จบบทนั้นก็อยากรู้บทต่อไป ตามอ่านทุกเรื่องราวอย่างไม่รู้เหนื่อย เรื่องแล้วเรื่องเล่า...เรื่องแล้วเรื่องเล่า...
 
เพียง 'เร้นรอย' เรื่องนี้จะยังคงเร้นรอยตลอดไป...นิรันดร์
 
ด้าน ทมยันตี ได้อธิบายเค้าโครงเรื่องเร้นรอยไว้ก่อนเสียชีวิต โดยขึ้นต้นปฐมบทด้วยบทสวด

โอม...พุทธัง ปะถะมะกัง วันเท ธัมมัง วันเท ทุติยะกัง สังฆัง ตะติยะกัง วันเท

ทมยันตี กล่าวว่า บทสวดนี้เป็นบทสวดของหลักศิลาจารึก หลักที่ 93  พบเมื่อปี พ.ศ.1943 ของหลักศิลาจารึกสุโขทัย ที่วัดศรีพิจิตรกิรติกัลยาราม บทสวดบทนี้เข้าใจว่า  ท่านทั้งหลายคงจะยังไม่เคยได้ยิน

ดิฉันเพียงเริ่มต้นสวดว่า ขอวันทาพระพุทธเจ้าเป็นปฐม ครั้งที่สอง วันทาองค์พระธรรมเจ้า ครั้งที่สาม นบนิ้วลง พระสังฆะ

เเต่ทั้งหมดนี้เป็นปฐมบทของเรื่อง 'เร้นรอย'

ดิฉันต้องใช้เวลาในการเขียนเรื่องนี้ เพราะต้องหันกลับไปดูประวัติศาสตร์ของสุโขทัย ซึ่งมีความเกี่ยวพันกัน มีเรื่องโต้เถียงกันมากมายว่า สุโขทัยเป็นอย่างไร เเละข้อสำคัญ ประวัติศาสตร์ของไทยไม่ได้เริ่มที่สุโขทัย 

เราจะค้นไปว่า คำว่า "ไท" มาจากไหน ประวัติศาสตร์ไท ไม่มี ย ยักษ์ คุม 

เราต้องมารู้ว่า ยักษ์มายืนเฝ้าประวัติศาสตร์ไทยเมื่อไหร่ เเละเหตุใดยักษ์จึงเข้ามาอยู่ในคำว่า "ไทย" 

นี่คือเร้นรอยทั้งหมด

เราไม่เคยเข้าใจเลยว่า ของเดิมของไทยเรา มีอะไรบ้าง 

ทมยันตี เล่าต่อว่า เราจะร้อยเรียงขึ้นมาว่า คนไท ที่ยังไม่มียักษ์คุม อาณาจักรของไทยเกิดขึ้นได้อย่างไร เเละยังเหลืออะไรบ้าง เครื่องสังคโลก ไม่ใช่เอาตัวอย่างจากจีนเเล้วมาทำสังคโลก สังคโลกของไทยเดิมเป็นอย่างไร ลวดลายที่เขียนมีกี่สี เเละเกิดขึ้นได้เพราะอะไร 

เตาเผาสังคโลกที่เรียงรายอยู่ริมเเม่น้ำยม ทลายจะหมดเเล้ว ที่มีเวียงพิงค์ เชียงใหม่ ก็มี การโยงใยของอาณาจักรต่าง ๆ นั้น โยงใยกันอย่างไร 

ปัญหาข้อนี้อยู่ในใจดิฉันมานาน อยากเขียน เพราะฉะนั้น เมื่อตั้งใจเเล้ว จึงนำเรื่องเหล่านี้มาไว้ในเร้นรอย คือ รอยของไทยเหล่านี้มีมานานหนักหนา...

.......

เเม้ 'เร้นรอย' จะเป็นนวนิยายที่ทมยันตีเขียนไม่จบ ทว่า เมื่อได้ยินเพียงเค้าโครงเรื่องก็สุดเเสนอัศจรรย์เเล้ว ช่างน่าเสียดายที่เเฟนนักอ่านไทย จะไม่ได้ซื้อหาเล่มนี้มาครอบครอง .