ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดี 'อีฟ เเม็กซิม' ฟ้องหมิ่น 'กานต์' ภรรยาเสก โลโซ จำคุก 5 ปี ปรับ 2.5 เเสน โทษรอลงอาญา 2 ปี รายงานตัวคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง 

 

วันที่ 15 ก.ย.2564 เวลา 09.30 น. ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นางวิภากร ศุขพิมาย หรือ 'กานต์' ภรรยาของเสก โลโซ พร้อมด้วย นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือ 'เสก โลโซ' ร็อกเกอร์ชื่อดัง ได้เดินทางมาขึ้นศาล เพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีหมิ่นประมาท หมายเลขดำอ.1675/62 ที่ นางสาว อภิสร์ญา  พัฒนวรทรัพย์ หรือ 'อีฟ  แม็กซิม' อดีตภรรยา นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย ร็อกเกอร์ชื่อดัง เป็นโจทก์ฟ้อง นางวิภากร เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา 

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่า มีบุคคลนำภาพและข้อความไปเผยแพร่ในเฟซบุ๊กของจำเลยชื่อบัญชี Wiphakorn Karn มีเนื้อหาด่าทอบุคคล ชื่อ “เหลือม” หรือ “อีเหลือม” ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อความกับภาพดังกล่าวได้

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยก่อนว่า จำเลยเป็นผู้เผยแพร่ภาพและข้อความลงในเฟซบุ๊กของจำเลยตามฟ้องหรือไม่

ข้อนี้จำเลยไม่ได้ปฏิเสธว่าบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวไม่ใช่ของตน ทั้งจำเลยเป็นบุคคลมีชื่อเสียงใช้เฟซบุ๊กในการสื่อสารกับบุคคลทั่วไป ย่อมต้องระมัดระวังไม่ให้บุคคลใดรู้รหัสผ่าน โดยโจทก์และพยานเบิกความยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว เผยแพร่ภาพและข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ตามฟ้องซึ่งในวันที่ 7 ส.ค. 62 ภายหลังเกิดเหตุจำเลยยังใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวถ่ายทอดสด แสดงให้เห็นว่าจำเลยยังคงใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวมาโดยตลอด และจำเลยไม่มีพยานหลักฐานมาหักล้างว่าบุคคลที่เผยแพร่ภาพและข้อมูลในเฟซบุ๊กของจำเลยตามฟ้องเป็นบุคคลใด อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

ในส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่าเป็นการโพสต์ข้อความลอย ๆ ไม่ได้ระบุชื่อโจทก์นั้นเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไร้น้ำหนักพยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังได้ว่ารูปภาพและข้อความที่เผยแพร่ในเฟซบุ๊กของจำเลยมุ่งประสงค์ถึงตัวโจทก์ อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

ส่วนปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการสุดท้ายว่า ข้อความตามฟ้องเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์หรือไม่

เห็นว่าการโพสต์ข้อความดังกล่าวข้างต้นทั้งหมดนี้มุ่งประสงค์กล่าวหาเรื่องประจานโจทก์ ว่าโจทก์เป็นคนไม่ดีหากินด้วยการค้าประเวณี เป็นคนปลิ้นปล้อน ปอกลอก ทรัพย์สินของคนอื่น อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการสุดท้ายว่า ไม่สมควรรอการลงโทษให้จำเลยหรือไม่เห็นว่าโจทก์กับจำเลยต่างมีนายเสกสรร เป็นสามีคนเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายย่อมมีความรู้สึกหึงหวง และพยายามใช้วิธีการทุกอย่างที่จะให้นายเสกสรร สามี กลับมาอยู่ในความครอบครองของตนเพียงลำพัง ความขัดแย้งด้วยการโพสต์ข้อความส่วนใหญ่เป็นคำที่ไม่สุภาพและหยาบคายรุนแรงเกินเลยไป แต่ก็เป็นเรื่องเป็นราวของครอบครัวทั้งสองฝ่ายเอง

การที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจในการลงโทษจำเลย โดยรอการลงโทษให้จำเลย จึงเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา การกระทำของจำเลยเป็นความผิด ลงโทษจำคุก 5 ปี และปรับ 250,000 บาท พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งความผิดของ จำเลย เป็นการกระทำเพราะหึงหวงอดีตสามีที่มีบุตรร่วมกัน เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับ โทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 2 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักง่านคุมประพฤติ 3 เดือน ต่อครั้ง ภายในกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับใหัการจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ทั้งนี้ให้กักขังจำเลยเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ให้จำเลยลบทำลายข้อความตามฟ้อง