เจ้าหน้าที่การเงินโรงเรียนประถมดัง จ.ชัยภูมิ ยักยอกโกงทุจริตเงินค่าชุดนักเรียนเงิน ค่าหนังสือ และเงินอุดหนุนอาหารกลางวันเด็ก กว่า 6 ล้านบาท

ร.ต.ท.วิศวพงษ์ ศิริเม รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าหลังคณะครูของโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ รุดเข้าแจ้งความเอาผิดกับ นางสาวเอ หรือครูเอ นามสมมุติ เป็นเจ้าหน้าที่การเงินและเป็นอดีตเลขาคู่ใจอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว ในข้อหา ทุจริตยักยอกทรัพย์เงินค่าชุดนักเรียน เงินค่าหนังสือแบบเรียน เงินอุดหนุนอาหารกลางวันเด็กนักเรียนและปลอมแปลงเอกสารสั่งจ่ายเงินของโรงเรียน มาตั้งแต่กลางปีการศึกษาที่ 2563 ถึงปีการศึกษา 2564 ที่ผ่านมา "โดยครูเอ" เป็นคนยอมรับว่า นำเงินผู้ปกครองไปใช้จริง และยอมชดใช้เงินสดให้มาเป็นบางส่วนแล้ว 500,000บาท

จากการตรวจสอบทราบว่าขณะนี้คณะครูอาจารย์โรงเรียนดังกล่าวกำลังเร่งรวบรวมหลักฐานการเบิกจ่ายเพื่อมา แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพราะเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวได้ทำการยักยอกโกงเงินมาเป็นเวลานานข้ามปี จึงได้รวมตัวกันมาขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานในเบื้องต้นไว้ก่อน

คณะครูโรงเรียนให้การว่าก่อนหน้านี้นางสาวเอ หรือครูเอ ได้มาบรรจุเป็นลูกจ้างตำแหน่งเจ้าหน้าที่การเงิน ประจำโรงเรียน โดยทางผู้อำนวยการคนก่อน ๆ ที่ผ่านมาต่างได้มอบหมายหน้าที่ให้เป็นเจ้าหน้าที่การเงิน ทำหน้าที่เบิกจ่ายเงินของโรงเรียน เช่นรับหน้าที่เบิกจ่ายเงินอุดหนุนค่าชุดนักเรียน ค่าหนังสือแบบเรียน เงินบริจาคต่าง ๆ จากผู้ปกครอง เงินเดือนเบี้ยเลี้ยงของคนงานลูกจ้าง ในโรงเรียนและรวมทั้งเงินเงินอุดหนุนอาหารกลาง จากราชการ

โดยผู้รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจเบิกจ่ายจะให้นางสาวเอ เขียนเช็คของธนาคารกรุงไทย และลงตัวเลข ตัวหนังสือ ใส่ช่องเบิกจ่ายแล้วนำมาให้ ผู้อำนวยการหรือรักษาการผู้อำนวยการ ที่มีอำนาจ เซ็นเช็คแล้วนำไปเบิกเงินที่ธนาคาร แต่ต่อมาพบว่าเงินจำนวนของโรงเรียนได้หายไปมากกว่าปกติ ทางคณะครูอาจารย์ ที่เป็นกรรมการโรงเรียน ได้ทำการตรวจสอบไปทางธนาคารฯ พบว่าเงินของโรงเรียนหลายรายการถูกเบิกหายไปมากกว่าปกติก่อนตรวจสอบพบเงินหายไปจากบัญชีเงินฝากมากกว่า 6 ล้านบาท จึงได้เรียกเจ้าหน้าที่การเงินมาสอบถามเรื่องขึ้น โดยนางสาวเอได้ยอมรับว่าได้เขียนตัวเลขเพิ่มเติมในเช็คเบิกจ่ายเงินของโรงเรียน นำไปใช้จ่ายส่วนตัวและยอมรับว่าจะนำเงินกลับมาชดใช้ให้ แต่ต่อมาก็ยังพบว่าไม่มีการนำเงินดังกล่าวมาชดใช้ให้ คณะครูจึงได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ในเบื้องต้นก่อนและจะได้กลับไปรวบรวมพยานหลักฐานการเบิกจ่ายต่างๆ ที่มีจำนวนมาก เพื่อนำมาแจ้งความต่อไป