10 โมงวันนี้ พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. จะเรียกเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่เข้ารับทราบ 2 ข้อหาที่ คสช. แจ้งความดำเนินคดี ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าไปรายงานตัวแน่นอน

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ยืนยันว่า วันนี้ (17 เม.ย.) จะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ ปอท. แน่นอนอ ซึ่งพันเอกบุรินทร์ ทองประไพ ทีมกฎหมาย คสช. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ 2 ข้อหา คือ ดูหมิ่นศาล และ นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จากกรณีแถลงการณ์ยุบพรรคไทยรักษาชาติ

นายปิยบุตร ระบุว่า ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้อย่างต่อเนื่อง ขอทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง และที่สำคัญอย่าเพิ่งถอดใจหรือสิ้นหวังกับสถานการณ์ จริงๆ แล้วยิ่งโดนคดีมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นเหมือนเครื่องแสดงว่าเราได้ต่อสู้กับ คสช.

ด้านหัวหน้าพรรค นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า ผมและพรรคอนาคตใหม่ขอยืนเคียงข้างกับอาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล จะร่วมฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านี้ไปให้ได้ เพราะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยน่ารำคาญ ถือเสียว่าเป็นก้อนหินก้อนกรวดเล็กๆ น้อยๆ ในรองเท้า ที่ทำให้เราเสียเวลาและสมาธิในการเดินก้าวไปข้างหน้า แต่เรื่องเหล่านี้ไม่สามารถหยุดพวกเราได้"

นายธนาธร เชิญชวนให้ทุกคน ร่วมกันติดแฮชแท็ก #SavePiyabutr เพื่อติดตามและส่งแรงใจให้เลขาธิการพรรคฯ

พันตำรวจเอก ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการ ปอท. เปิดเผยว่า พลตำรวจตรี ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผู้บังคับการ ปอท. สั่งการให้เตรียมความพร้อมรองรับการมารับทราบข้อกล่าวหาของนายปิยบุตร ในส่วนกองเชียร์ ไม่สามารถเข้าร่วมฟังการสอบสวนได้แต่สามารถให้กำลังใจได้ในพื้นที่ที่เหมาะสม

โดยขั้นตอนในวันนี้ จะมีการแจ้งข้อหา สอบปากคำ และปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งนายปิยบุตร ไม่ต้องวางหลักทรัพย์ เนื่องจากเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก

พันตำรวจเอก กล่าวถึงกระแสข่าวจะมีตัวแทนสถานทูตขอเข้าร่วมฟังการสอบสวนเหมือนตอนที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.ปทุมวัน ว่า ยังไม่มีการประสานจากทางสถานทูตหรือใคร แต่อย่างใด

ด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความ หัวข้อ "ถึงเวลาร่วมใจผนึกกำลังสู้เพื่อชาติของเรา" โดยนายพีระพันธุ์ ระบุถึงแถลงการณ์จากผู้แทนสถานทูตที่แสดงท่าทีไม่พอใจกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่เรียกไปพูดคุย หลังส่งผู้แทนไปติดตามการรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาของนายธนาธร ที่สน.ปทุมวัน เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา

อดีตรัฐมนตรียุติธรรม ตั้งข้อาสังเกตุ ว่า ผู้ที่ออกมาแถลงการณ์ตอบโต้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นเจ้าหน้าที่ทูตระดับสูง จึงเป็นที่น่าคิดว่าการกระทำของคนพวกนี้อยู่ในการรับรู้ของต้นสังกัดมาแต่เริ่ม ซึ่งก็หมายถึงการรับรู้ของรัฐบาลของประเทศต้นสังกัดด้วย จึงถือว่าไม่เคารพวิธีปฏิบัติและพันธกรณีการปฏิบัติทางการทูตกับประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่มีเอกราชและอธิปไตยมาช้านาน รวมทั้งไม่หวั่นเกรงต่อผลกระทบทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศไทย

นายพีระพันธุ์ ระบุว่า "หมดเวลาเกรงใจแล้วครับ ในเมื่อคนพวกนี้ไม่มีมรรยาททางการทูต ไม่เคารพเอกราชและอธิปไตยไทย กล้าที่จะเหยียบย้ำศักดิ์ศรีของชาติถึงในบ้านของเรา เราก็ไม่ต้องเกรงใจพวกนี้อีกต่อไป"

พร้อมเสนอให้ให้สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย หรือกระทรวงยุติธรรม เป็นเจ้าของเรื่อง เสนอเรื่องต่อ ครม. เป็นเรื่องด่วน ให้มีมติห้ามมิให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐอนุญาต ยินยอมให้พวกต่างชาติ เข้ามาดำเนินการใดๆในส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้รับความเห็นชอบของกระทรวงต่างประเทศก่อน เว้นแต่ในคดีที่คนของประเทศเหล่านั้นเป็นผู้ถูกกล่าวหา และให้สำนักนายกรัฐมนตรีไปยกร่างออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการนี้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติและเป็นเกราะกำบังให้เจ้าหน้าที่ของรัฐถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไป ตามหลักเกณฑ์ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ค.ศ. 1961 ข้อ 41 ด้วย

นายพีระพันธุ์ ยังได้ปิดท้ายว่า “ทูตเหล่านี้ เลือกที่จะลงมาเล่นการเมืองในประเทศไทย อย่างน้อยที่สุดก็ได้ “เลือกข้าง” ในฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของการเมืองในประเทศแล้ว พวกเขากำลังคิดจะทำอะไรกับราชอาณาจักรไทยของเรา ทำไปเพื่ออะไร และทำไปเพื่อใคร??? กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา!!!

"ปิยบุตร" กลับถึงไทยแล้ว เตรียมไปรับทราบข้อหาของ คสช. วันนี้