จ.บุรีรัมย์ ประกาศภาวะฝนแล้งแล้ว 14 อำเภอ เพื่อเร่งช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบจากฝนทิ้งช่วงนาข้าวขาดน้ำเสียหายกว่า 480,000 ไร่ เกษตรกรเดือดร้อนกว่า 42,600 ครัวเรือน

จ.บุรีรัมย์ ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรโดยเฉพาะนาข้าว ประสบปัญหาขาดน้ำหล่อเลี้ยงแห้งตายเสียหายเป็นวงกว้าง ล่าสุดทางจังหวัดได้พิจารณาประกาศเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภาวะฝนแล้ง) แล้ว 14 อำเภอ คือ อ.เมืองบุรีรัมย์ , ประโคนชัย , นาโพธิ์ , สตึก , หนองหงส์ , นางรอง , กระสัง , หนองกี่ , แคนดง , ชำนิ , พุทไธสง , บ้านใหม่ไชยพจน์ , ลำปลายมาศ และ อ.คูเมือง พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 106 ตำบล 1,026 หมู่บ้าน กับอีก 1 ชุมชน พื้นที่การเกษตร (นาข้าว) ได้รับความเสียหาย 480,728 ไร่ เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน 42,641 ครัวเรือน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของทางอำเภอ และเกษตรอำเภอ เพื่อรวบรวมข้อมูลเสนอรายงานจังหวัด เพื่อที่จะได้นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ก่อนจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภาวะฝนแล้ง ตามระเบียบหลักเกณฑ์ของทางราชการอย่างเร่งด่วน โดยตามหลักเกณฑ์หากได้รับผลกระทบจากภัยแล้งนาข้าวเสียหาย จะได้รับเงินชดเชยไร่ละ 1,113 บาท แต่ไม่เกิน 30 ไร่ ส่วนเกษตรกรที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ก็จะได้รับการช่วยเหลือเป็นค่าเก็บเกี่ยวจากทางรัฐบาลไร่ละ 1,500 บาท แต่ไม่เกิน 20 ไร่

นายเอกภพ จันเพ็ญ หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า จากข้อมูลสถิติ จ.บุรีรัมย์ จะมีฝนตกเฉลี่ยอยู่ที่ 1,200 มิลลิเมตร แต่ปีนี้ปริมาณฝนตกสะสมค่อนข้างน้อยเพียง 800 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้ส่งผลกระทบกับพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวของเกษตรกรเป็นวงกว้างในหลายพื้นที่อำเภอ ทางจังหวัดจึงได้พิจารณาประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภาวะฝนแล้ง) ในพื้นที่ 14 อำเภอดังกล่าว เพื่อจะได้ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยตามระเบียบหลักเกณฑ์ของทางราชการอย่างเร่งด่วน

อย่างไรก็ตาม หากเกษตรกรรายใดที่พื้นที่นาข้าวได้รับผลกระทบจากฝนทิ้งช่วง ยังตกหล่นไม่ได้รับการสำรวจ ก็สามารถแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ทางผู้นำชุมชน หรืออำเภอในพื้นที่นั้น เพื่อจะได้รวบรวมข้อมูลเสนอจังหวัดพิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป


Cr.สุรชัย/บุรีรัมย์