ครม.อนุมัติงบ 3 หมื่น 8 พันล้านบาท ช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐช่วยจ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟ แจกเงินปีใหม่ 500 บาท ช่วยจ่ายค่าเช่าบ้านเดือนละ 400 บาท และค่าเดินทางไปรักษาพยาบาล 1,000 บาทสำหรับผู้สูงอายุ 65 ปี

ครม.เห็นชอบ 3.8 หมื่นล้านช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ที่ลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการแห่งรัฐ งบประมาณกว่า 3 หมื่น 8 พันล้านบาท
ประกอบด้วย 4 มาตรการ ได้แก่ 1.มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและน้ำประปา

โดยกำหนดให้ค่าไฟฟ้า ให้ใช้ไฟฟ้าในวงเงินไม่เกิน 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน น้ำประปา ให้ใช้ได้ในวงเงินไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน มีผลตั้งแต่ ธันวาคม 2561 ถึง กันยายน 2562 รวมระยะเวลา 10 เดือน โดย 1 ครัวเรือนใช้ได้เพียง 1 สิทธิเท่านั้น

2.มาตรการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในช่วง ปลายปี ให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซื้อสินค้าและบริการเพิ่มเติมในเดือน ธ.ค.2561 เป็นเงิน 500 บาทต่อคน (ได้รับครั้งเดียว)

3.มาตรการช่วยเหลือค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่นเกี่ยวกับ สุขภาพสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย 1 พันบาทต่อคน (ได้รับครั้งเดียว)

4.มาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้านสำหรับผู้สูงอายุ ที่มีรายได้น้อย 400 บาทต่อคนต่อเดือน สำหรับผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการ ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป

มติครม.เห็นชอบช่วยเหลือชาวสวนยาง 1.8 หมื่นล้านบาท

ขณะที่นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. ยังมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอให้พิจารณาโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ที่เดือดร้อนจากราคายางพาราตกต่ำ โดยให้เงินช่วยเหลือ 1,800 บาท/ไร่ ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ วงเงินรวม 1 หมื่น 8 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำรองจ่ายก่อน และให้ตั้งงบปี 2563 เพื่อจ่ายชดเชยให้กับ ธ.ก.ส. พร้อมดอกเบี้ย

โดยเกษตรกร จะต้องตรวจสอบสิทธิให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ และให้จ่ายเงินให้เกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2561 แบ่งเป็นเกษตรกรเจ้าของสวนไร่ละ 1,100 บาท และคนกรีดยางไร่ละ 700 บาท

ทั้งนี้นายพุทธิพงษ์ ยังยืนยันถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า ไม่ได้หวังผลเลือกตั้ง เพราะหลายโครงการไม่ได้เพิ่งมาคิด และทำ แต่มีกระบวนการสอบถามความเห็นจากประชาชนมาเป็นเวลานาน  แต่เพิ่งประจวบเหมาะกับเวลาช่วงสิ้นปีพอดี  จึงย้ำว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง