รอง ผกก.สส.สภ.เมืองตรัง แจงกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนสังหารพยานในคดีเผารถ และยิงคนงานรับเหมาก่อสร้างถนน ไม่ใช่การฆ่าตัดตอน

วันที่ 19 กันยายน 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบยิง นายอำนวย เพชรรัตน์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 6 ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ขณะร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพหลานชายภายในวัดนางหลาด จนเสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยนายอำนวย ถือเป็นหนึ่งในพยานที่ทางเจ้าหน้าทำตำรวจเชิญตัวไปสอบสวนในคดีเผารถ และยิงสังหารคนงานก่อสร้างของ หจก.ภักสุธีโกศลการก่อสร้าง ขณะทำงานปรับปรุงผิวจราจรถนน เมื่อวันที่ 14 และ 16 ส.ค. ซึ่งก่อนหน้านี้มีการตั้งข้อสังเกตุว่าอาจเป็นการฆ่าตัดตอนในคดีดังกล่าว

อย่างไรก็ตามล่าสุด พ.ต.ท.ประเสิรฐ สงแสง รอง ผกก.สส.สภ.เมืองตรัง เปิดเผยความคืบหน้าว่า ตั้งแต่หลังเกิดเหตุวางเพลิงเผารถของ หจก.ภัคสุธีโกศลก่อสร้าง และคดีฆ่าคนงานก่อสร้าง ก็ได้รวบรวมพยานหลักฐาน โดยตนเป็นตัวหลักและมีคณะสอบสวนหลายคนร่วมกัน ซึ่งตอนนี้คดีเผาสอบสวนพยานไปทั้งหมด 7 ปาก ส่วนคดีลอบยิงสอบสวนไปทั้งหมด 30 ปาก และได้แสวงหาพยานหลักฐาน โดยร่วมกับฝ่ายทหาร โดยใช้คำสั่ง คสช. ที่13/59 ได้เป้าหมายมาซักถาม ตรวจยึดอาวุธปืนทั้งหมด 3 กระบอก ซึ่งแนวทางการสอบสวนเดินได้ดีในระดับหนึ่ง เนื่องจากว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในเรื่องของการรวบรวมพยานหลักฐาน

พ.ต.ท.ประเสริฐ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทราบว่า มีพยานเสียชีวิตไปหนึ่งคนชื่อ นายอำนวย เพชรรัตน์ ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตที่ วัดนางหลาด หมู่ที่ 5 ต.โคกสะบ้า อ.นาโยง จ.ตรัง วันที่ 17 ก.ย. 2561 จากการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วคาดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับคดีของ หจก.ภัคสุธีโกศลก่อสร้าง และไม่เชื่อว่าจะเกี่ยวกับคดีดังกล่าว เนื่องจากการสอบปากคำนายอำนวย กลับพบว่าไม่ได้มีมูลเหตุ หรือช่องทางที่จะนำไปหาตัวคนร้ายในคดีของ หจก.ภัคสุธีโกศลก่อสร้าง

ด้านนายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานทราบว่า คดีเผารถ และยิงคนงานก่อสร้าง สามารถคลำทางได้ตั้งแต่แรก ทั้งเหตุเผาเครื่องจักรจนกระทั่งการยิงคนงาน เพียงเปิดดูข้อมูลว่ามีใครประมูลบ้าง และไปซื้อของที่ไหน ซึ่งตำรวจสามารถสืบไปได้เรื่อยๆ ทั้งนี้คดีดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน