พระเมธีสุทธิกร หรือ พระสังคม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ เข้ามอบตัวตำรวจกองปราบปราม หลังถูกออกหมายจับเป็นผู้ต้องหาคดีทุจริตเงินทอนวัด ใช้เวลาสอบเครียดนานกว่า 5 ชั่วโมง แต่ยังให้การปฏิเสธ จึงคุมตัวฝากขัง โดยศาลไม่อนุญาตประกันตัวจับสึกส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นรายที่ 7 ทันที

 

"พระเมธีสุทธิกร" เข้ามอบตัวคดีเงินทอนวัด คุมสอบ 5ชั่วโมง ยังให้การปฏิเสธ

พระเมธีสุทธิกร หรือ พระสังคม สังฆะพัฒน์ อดีตพระราชอุปเสณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ถูกตำรวจกองบังคับการปราบปรามคุมมาสอบสวน หลังประสานเข้ามอบตัว โดยได้เดินทางเข้าทางประตูด้านหลัง เพื่อหลบเลี่ยงกองทัพนักข่าว

โดยพระเมธีสุทธิกร ถูกศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน กรณีเงินทอนวัด

ตำรวจใช้เวลาสอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง เพื่อซักถามข้อสงสัยในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับพฤติการณ์และเรื่องราวทางคดี แต่พระเมธีสุทธิกรยังคงยืนกรานให้การปฏิเสธ

สำหรับมูลเหตุสำคัญที่ทำให้ พระเมธีสุทธิกร ตกเป็นผู้ต้องหา และ ถูกถอดถอนสมณศักดิ์นั้น เนื่องจากพบหลักฐานว่า อดีตพระเมธีสุทธิกร ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)ทุจริตเงินงบประมาณจากพศ. โดยทำเรื่องเสนอขอเงินสนับสนุนจัดทำโครงการโรงเรียนพระปริยัติธรรม จากพศ. 10 ล้านบาท

เมื่อ พศ.โอนจ่ายเงินมายังวัด ทางพระเมธีสุทธิกรและอดีตพระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมีอำนาจบริหารจัดการเงินของทางวัด  กลับร่วมกันยักยอกเงินดังกล่าว โดยไม่ได้นำเงินไปจัดทำโครงการโรงเรียนพระปริยัติธรรมแต่อย่างใด

 

ศาลไม่ให้ประกันตัว จับสึก "พระเมธีสุทธิกร" คุมตัวเข้าเรือนจำ

จากนั้น พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม คุมตัวพระเมธีสุทธิกร ไปยื่นฝากขังที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เป็นครั้งแรกเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม-11 มิถุนายน เนื่องจากการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานอีก 10 ปาก

พร้อมคัดค้านการประกันตัว เพราะเกรงว่า ผู้ต้องหาอาจจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนดำเนินคดี

ศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตให้ฝากขังตามคำร้องเป็นเวลา 12 วัน โดยศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา เพราะเกรงว่า อาจไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานและอาจหลบหนี

เจ้าหน้าที่ จึงทำการสึก ถอดจีวรพระเมธีสุทธิกร ก่อนนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ระหว่างการฝากขังต่อไป ทำให้ขณะนี้มี อดีตพระชั้นผู้ใหญ่ ถูกคุมตัวเข้าเรือนจำแล้ว 7 คน เหลือเพียง อดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม รูปเดียวเท่านั้นที่ยังหลบหนี

 

ตำรวจเร่งตามจับ "อดีตพระพรหมเมธี" หลังมีข่าวหลบหนีเข้า จ.นครพนม

สำหรับการติดตามจับกุมตัว อดีตพระพรหมเมธี ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า ได้หลบหนีเข้ามาในพื้นที่ จ.นครพนม ตั้งแต่ช่วงวันวิสาขบูชา ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมหาทางหลบหนีไปยัง แขวงคำม่วน สปป.ลาว ตามชายแดน จ.นครพนม

โดยตำรวจกองปราบปราม ได้ระดมชุดสืบสวน ลงพื้นที่ติดตามแกะรอยจับกุมตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ (31พ.ค.)

ซึ่งมีรายงานว่า ทางตำรวจได้พบเบาะแสการหลบหนีของอดีตพระพรหมเมธีแล้ว หลังพบรถยนต์ต้องสงสัย เป็นรถตู้ยี่ห้อหนึ่ง เชื่อว่าเป็นรถที่อดีตพระพรหมเมธี ใช้หลบหนีมายังวัดแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม ก่อนหายตัวไป คาดว่า อาจหลบหนีออกไปทางชายแดนสปป.ลาวแล้ว

แต่ข้อมูลดังกล่าวยังไม่มีการยืนยันออกมาอย่างเป็นทางการ

 

ผบ.เรือนจำเผย "อดีตพระพรหมสิทธิ" เครียดหนักต้องส่งนักจิตวิทยาพูดคุย

ด้าน นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการควบคุมตัว อดีตพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ว่า อดีตพระพรหมสิทธิ ค่อนข้างเครียดกว่าอดีตพระรูปอื่น ที่เข้ามาในเรือนจำอย่างเห็นได้อย่างชัด

เพราะขอเพียงน้ำเปล่าดื่มเท่านั้น จึงให้เจ้าหน้าที่ช่วยเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด ส่วนช่วงเช้าได้รับประทานอาหารข้าวต้ม ที่ทางเรือนจำจัดเตรียมให้นักโทษ พร้อมส่งนักจิตวิทยาประจำเรือนจำพูดคุย เพื่อผ่อนคลายและ ให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงทำความเข้าใจกฎระเบียบเรือนจำ

สำหรับการตรวจร่างกายเบื้องต้นมีโรคประจำตัวกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคภูมิแพ้ โดยขณะนี้อดีตพระพรหมสิทธิ ยังถูกคุมขังในแดนแรกรับ ซึ่งมี ผู้ต้องขังอยู่ร่วมกันประมาณ 10 กว่าคน

 

ผบก.ปปป.ยันตรวจสอบทุกวัดคดีเงินทอนวัดล็อต 4 ที่รับงบพศ.เกิน 1 ล้าน

ด้าน พลตำรวจตรี กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เปิดเผย ความคืบหน้าคดีทุจริตเงินทอนวัดล็อต 4 ว่า ขณะนี้ ปปป.อยู่ระหว่างตรวจสอบวัดทั่วประเทศ ที่ได้รับงบประมาณจาก พศ.มากกว่า 1 ล้านบาท ในช่วงปี 2555-2560 แต่ไม่ได้ตรวจสอบวัดใดวัดหนึ่งเป็นพิเศษ โดยจะตรวจสอบทุกวัดที่มีงบประมาณลงไป

หากพบการกระทำผิดจะแจ้งให้ ผอ.พศ.ทราบ ก่อนร้องทุกข์กล่าวโทษตามขั้นตอน แต่ขณะนี้ยังไม่มีการร้องทุกข์ใดๆ โดยล็อตนี้อาจจะยังไม่ใช่ ล็อตสุดท้ายที่จะถูกดำเนินคดี เพราะ ปปป.จะต้องตรวจสอบไปจนกว่าจะไม่พบวัดที่กระทำความผิด

 

เผยคดีเงินทอนวัด 3 ล็อต เสียหายรวม 340 ล้านบาท ผู้ต้องหา 19 ราย

สำหรับคดีเงินทอนวัดมีการดำเนินการไปแล้ว 3 ล็อต มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 340 ล้านบาท เป็นการทุจริตงบใน 3 งบประมาณ คือ 1.งบบูรณะปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด 2.งบอุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และ3.งบอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม

โดยวัดสระเกศฯ ที่ถูกดำเนินคดีในล็อตที่ 3 ถือว่า เป็นการทุจริตงบสูงที่สุดกว่า 150 ล้านบาท

ทั้งนี้ มีผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 19 ราย ประกอบด้วย พระสงฆ์ 7 รูป ข้าราชการและอดีตข้าราชการ พศ.10 คน แบ่งเป็นผู้ต้องหาเก่า 8 คน และผู้ต้องหาใหม่ 2 คน เป็นระดับอดีตข้าราชการ รอง ผอ.พศ.1 ราย และระดับหัวหน้าหน่วย 1 ราย ส่วนอีก 2 คน เป็นประชาชนที่มีส่วนรู้เห็นในการทุจริต

จับสึกรูปที่ 7 "พระเมธีสุทธิกร"คดีเงินทอนวัด คุมตัวเข้าเรือนจำ