หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบการทุจริตเงินทอนวัดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวัด 7 แห่ง ที่ถูกตรวจสอบครั้งล่าสุด เป็นวัดที่อยู่ในต่างจังหวัดทั้งหมด

หนึ่งในนั้น คือ ศาลาการเปรียญมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ของวัดต้นธงชัย อำเภอเมืองลำปาง เป็น 1 ใน 7 วัด ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่า เข้าข่ายร่วมทุจริตเงินทอนวัด ผู้ใหญ่บ้านต้นธงชัยและเป็นมัคทายกของวัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเคยมีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพุทธศาสนา เข้าไปตรวจสอบเรื่องทุจริตเงินทอนวัดแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่ทราบรายละเอียดต่างๆ ทราบแต่เพียงว่าเงินที่ได้มา ส่วนหนึ่งทางวัดนำไปสร้างศาลาการเปรียญ ซึ่งศาลาการเปรียญแห่งนี้ตั่้งอยู่บริเวณนอกวัดติดริมน้ำวัง เพิ่งเฉลิมฉลองไปเมื่อเดือนมีนาคม

ส่วนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช การตรวจสอบครั้งล่าสุดของสำนักงานพระพุทธศานาแห่งชาติพบวัด 2 แห่งที่ถูกระบุว่า เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอน คือ วันมุขธาราราม และวัดท่าพญา ชาวบ้านที่ช่วยงานในวัดแจ้งข้อมูลว่า ข้อมูลจากสำนักงานพระพุทธศาสนา อาจมีข้อผิดพลาด และควรระบุพื้นที่ตั้งให้ชัดเจน เนื่องจากพบว่า วัดมุขธารา ในอำเภอเมืองนครศรีธรรมราชไม่มีสร้อยท้ายคำว่า “ราม” มาก่อน

ส่วนวัดท่าพญาที่ตั้งอยู่ในอำเภอปากพนัง มีถึง 3 ชื่อคือ "วัดท่าพญา” “วัดปากบางท่าพญา” และ “วัดมุขธาราราม” กรณีการแจ้งชื่ออาจเป็นวัดท่าพญาเพียงแห่งเดียวหรือไม่ ขณะนี้กำลังตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด

พันตำรวจเอกวรายุทธ สุขวัฒน์ รองผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เปิดเผยว่า นำสำนวนคดีทุจริตเงินทอนวัดล็อตที่ 3 ยื่นเพิ่มเติมต่อ ป.ป.ช.แล้ว  ซึ่งเป็นสำนวนคดีเพิ่มเติมอีก 7 สำนวน  พบว่า ผู้กระทำผิดเป็นชุดเดียวกันกับสำนวนล็อตแรกและล็อตที่  2 และมีเพิ่มทั้งฆราวาสและพระชั้นผู้ใหญ่.

นำสำนวนคดีทุจริตเงินทอนวัดล็อต 3 ยื่นเพิ่มเติม ป.ป.ช.แล้ว