เดือนกรกฎาคมนี้ ศาลจะมีข้อสรุปกรณี อบจ.กระบี่ ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ที่อนุญาตให้บริษัทต่างประเทศเข้าไปถ่ายหนังเรื่อง เดอะบีช บนอ่าวมาหยา เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน หลังมีการไกล่เกลี่ยประนีประนอมกัน 3 ครั้ง

นายสฤษพงศ์ เกี่ยวข้อง รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ และองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาทเพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมอ่าวมาหยา หมู่เกาะพีพี จากผู้อนุญาตให้ บริษัท ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ ไปถ่ายทำภาพยนตร์ เรื่อง เดอะบีช บนอ่าวมาหยา เมื่อปี พ.ศ.2542 ซึ่งเป็นอ่าวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ที่ผ่านมา การพิจารณาคดีนี้ ศาลแพ่งแผนกคดีธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น ได้สืบพยานทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยเรียบร้อยแล้ว และได้ไกล่เกลี่ย โดยตั้งนักวิชาการร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย คือ ศาล โจทก์ และจำเลย ลงพื้นที่อ่าวมาหยา รวบรวมรายละเอียด เพื่อเป็นแนวทางการฟื้นฟู โดยบริษัทผู้สร้างภาพยนต์มีความประสงค์ที่จะตั้งกองทุนฟื้นฟูอ่าวมาหยา ตามที่โจทก์ยื่นฟ้อง คาดว่า เดือนกรกฎาคมนี้ศาลจะมีข้อสรุป

คดีนี้ ศาลรับคำฟ้องครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2555 เมื่อปี พ.ศ. 25556 ผู้พิพากษา ใช้วิธีลงพื้นที่เดินเผชิญสืบ หรือ หาหลักฐานด้วยตัวเอง ซึ่งนักกฎหมายต่างมองว่า นี่จะเป็นคดีตัวอย่าง เพราะไม่บ่อยครั้งที่ศาลใช้วิธีหาหลักฐานด้วยตัวเอง

รองนายก อบจ. ระบุว่า อ่าวมาหยาในอดีต มีตะกอนทรายทับถมรวมกันกลายเป็นหาดทรายละเอียด แต่หลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเดอะบีช ซึ่งกองถ่ายใช้แพขนานยนต์ไปเทียบ เพื่อขนย้ายเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ขึ้นฝั่ง จนพบว่า สันทรายเกิดรอยเว้า ถูกน้ำทะเลกัดเซาะ

นอกจากนี้ การปรับพื้นที่ปลูกต้นมะพร้าว และสร้างที่พักชั่วคราว ยังทำลายพืชประจำถิ่น และทำลายความสวยงามมาจนถึงปัจจุบัน

เจรจาครั้งที่ 3 ฟ้องค่าเสียหายผู้สร้างหนัง "เดอะบีช"