สั่งย้าย ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครพนม พร้อมผู้อำนวยการโรงเรียน มีเอี่ยวปิดบังข้อมูลทุจริต หลังปปท.พบหลักฐานโกงเงินคนจน
จากการตรวจสอบของกองปราบปรามทุจริต พบมีการทุจริตการเบิกจ่ายเงินของ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดนครพนม โดยมีชาวบ้านผู้เสียหาย จำนวนกว่า 500 ราย ในพื้นที่ 12 อำเภอ เป็นเงินกว่า 1 ล้าน 7 แสนบาท และยังมีหลักฐานคลิปวีดีโอ และเสียง ที่ชาวบ้าน บันทึก เป็นหลักฐาน กรณีมีผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในตำบลหนองซน อำเภอนาทม บอกชาวบ้านให้ช่วยปกปิดข้อมูล โดยให้ยืนยันว่ามีการรับเงินครบตามกำหนด
เบื้องต้น นายเกรียงไกร สืบสัมพันธ์ ผู้อำนวยการกองปราบปรามทุจริตในภาครัฐ 5 เปิดเผยว่า มีหลักฐานชัดเจนเชื่อถือได้ว่าเกิดการทุจริต จึงตั้งคณะกรรมการสอบสวน ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.นครพนม เจ้าหน้าที่การเงิน และเจ้าหน้าที่จัดทำเอกสาร ฐานความผิดทุจริต รวมถึงผู้อำนวยการโรงเรียนที่อยู่ในคลิปที่มีการปิดบังข้อมูลทุจริตด้วย
ล่าสุด มีการสั่งย้ายผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดออกจากพื้นที่ไปช่วยราชการ ที่สำนักงานต้นสังกัด เพื่อให้การดำเนินการสอบสวนเอาผิดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาภายใน 90 วัน จะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จ
ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง 26 ข้าราชการเอี่ยวโกงเงินคนจน
ด้าน พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึง การตรวจสอบข้อเท็จจริงการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและคนไร้ที่พึ่ง ระบุว่า ได้ลงนามในคำสั่งและมอบหมายตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และตั้งกรรมการสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่มีการรายงาน 26 คน แบ่งเป็นกลุ่มผู้บริการระดับสูง ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ที่เกี่ยวข้อง/หากผู้ใดให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ จะกันไว้เป็นพยานเพื่อให้โทษหนักเป็นเบา เบื้องต้นยังไม่มี ความเชื่อมโยงไปถึงระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ส่วนกรณีที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัดกระทรวง และนายณรงค์ คงคำ รองปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯ หลังพบว่า มีมูลความผิดนั้น
พลเอก อนันตพร ระบุว่า คงกันไว้เป็นพยานยากเพราะเป็นผู้บริหารระดับสูง แต่จะต้องล้างข้อกล่าวหาด้วยตนเองให้ได้ก่อนเนื่องจากที่ผ่านมามีการซัดทอด และอ้างว่ามีการส่งเงินให้ผู้บริหาร จึงเป็นหน้าที่ ที่ต้องแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้เร่งรัดให้สอบสวนให้เสร็จก่อน 30 วัน