กลายเป็นเรื่องโอละพ่อ หลังชายวัย 43 ปี แจ้งความกับตำรวจพัทยา ว่า ถูกกลุ่มชายอ้างเป็นตำรวจยัดข้อหาและเรียกเงิน แต่สุดท้ายเป็นการให้การเท็จ เบื้องต้น คาดว่า กลัวภรรยา ซึ่งเจ้าตัวอาจจะนำเงินไปใช้ไม่ถูกที่ถูกทาง

จากกรณีที่ นายสัญจร คำวิลัย อายุ 43 ปี อ้างว่า ถูกกลุ่มชายอ้างเป็นตำรวจ ขอตรวจค้นรถจักรยานยนต์แล้วยัดข้อหามีอาวุธปืน ก่อนเรียกเงินจำนวน 4,000 บาท เพื่อเป็นการปล่อยตัวและคืนรถจักรยานยนต์ให้ เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

ล่าสุดกลายเป็นเรื่อง โอละพ่อ เมื่อ พันตำรวจโทสมพาน สุขสำราญ รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยว่า หลังผู้เสียหายแจ้งความ ตำรวจชุดสืบสวนได้พา นายสัญจร ไปดูภาพถ่ายเจ้าหน้าที่ และ ตำรวจอาสา ทั้งในส่วนของ สภ.เมืองพัทยา สภ.บางละมุง และ สภ.หนองปรือ แต่ภายหลังเจ้าตัวบอกว่า ไม่มีภาพกลุ่มคนร้ายในแฟ้มประวัติ

ต่อมาจึงพาไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณใกล้เคียงจุดที่อ้างว่า ถูกพาตัวไปเอารถจักรยานยนต์ ในซอยบ่อบำบัดน้ำเสีย เขตเทศบาลเมืองหนองปรือ ก็ไม่พบว่า มีภาพของนายสัญจร และกลุ่มชายฉกรรจ์ ในจุดเกิดเหตุตามที่ระบุไว้แต่อย่างใด และ มีอีกหลายอย่างที่เป็นคำให้การที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริง

ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ พยายามพูดจาหว่านล้อมและโน้มน้าวให้พูดความจริง นายสัญจรถึงกับเกิดอาการเครียดจนเอาศีรษะตัวเองโขกกับผนังห้อง จึงต้องช่วยกันห้ามปราม ซ้ำยังเจ้าตัวยังเอ่ยปากบอกว่า หากต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาแจ้งความเท็จ ก็จะผูกคอตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

นอกจากนี้จากการสังเกตพบว่า ลักษณะนิสัยของนายสัญจรค่อนข้างจะเป็นคนกลัวภรรยา คาดว่านายสัญจร น่าจะนำเงินไปใช้จ่ายในทางที่ไม่ถูก จึงกลัวว่าจะถูกภรรยาต่อว่า เลยกุเรื่องขึ้นมา

ชายวัย 43 ปี กุเรื่องถูกตำรวจยัดข้อหาคาดกลัวเมีย