ปิดปฏิบัติการ 50 ชั่วโมง ดับไฟกองกระดาษรีไซเคิล พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงกว่า 100 ชีวิตกลับศูนย์ฯ

จากเหตุไฟไหม้กองกระดาษรีไซเคิล ที่ตั้งวางอยู่ภายนอกอาคาร บนเนื้อที่กว่า 11 ไร่ ภายในบริษัท คอวิน อินดัสทรี่ จำกัด ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ต.นาโคก อ.เมือง ฯ จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นโรงงานผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษ เคมีภัณฑ์ และพลาสติก ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 02 พฤษภาคม 2567 ไฟที่ลุกไหม้กองกระดาษรีไซเคิลทั้ง 22 กอง น้ำหนักรวมประมาณ 22000 ตัน ก็ดับลงเป็นที่เรียบร้อย ตามแผนปฏิบัติการฯ

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 02 พฤษภาคม 2567 นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้มอบหมายให้ ร้อยตรีประพันธ์ ถึกสกุล นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ พร้อมด้วย ร้อยตำรวจตรีสัณฐิติ ธรรมใจ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สิทธิโชคธรรม ผกก.สภ.บางโทรัด นายราชศักดิ์ มากสัมพันธ์ นายก อบต.นาโคก นายอนุวัฒน์ อันน่วม ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการดับเพลิงและกู้ภัย 1 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทั้งจากในจังหวัดสมุทรสาครและพื้นที่ใกล้เคียง ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 1 ปทุมธานี ตลอดจนผู้แทนจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ในจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม กรุงเทพฯ ราชบุรี นครปฐม และหน่วยงานต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนรถดับเพลิง และกำลังเจ้าหน้าที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาระงับเหตุ ก็ได้ร่วมกันปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ และถือเป็นการปิดเหตุไฟไหม้ที่เกิดขึ้น พร้อมกับ ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงรวมแล้วกว่า 100 ชีวิต ที่ได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำงานมาอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน นับตั้งแต่แรกเริ่มที่เกิดเหตุจนกระทั่งความร้อนจากกองสุดท้ายดับลงใช้ระยะเวลายาวนานถึง 50 ชั่วโมง กลับคืนสู่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของแต่ละพื้นที่ พร้อมกันนี้ทางผู้บัญชาการเหตุการณ์ยังได้มอบภาระหน้าที่เฝ้าระวังให้กับทาง อบต.นาโคก และทางผู้บริหารโรงงาน เป็นผู้รับช่วงดูแลต่อไป

ร้อยตรีประพันธ์ ถึกสกุล นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นับเป็นปฏิบัติการแห่งความร่วมมือร่วมใจในการปฏิบัติหน้าที่ตลอดระยะเวลา 50 ชั่วโมง ของบรรดายอดมนุษย์นักผจญเพลิงทั้งจากมูลนิธิฯ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่มารวมตัวกันในภารกิจครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่ที่เกิดเหตุไฟไหม้จนกระทั่งไฟก้อนสุดท้ายดับมอดลงโดยสมบูรณ์ ภายใต้แผนปฏิบัติการที่ได้มีการประชุมหารือทุกๆ 12 ชั่วโมง เพื่อปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา ประกอบกับ ทักษะการวางแผนทำงานโดยผู้เชี่ยวชาญ ความพร้อมของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคน อุปกรณ์โดรนตรวจจับความร้อน และ ความพร้อมของเครื่องจักรกล ทั้งรถแบ็กโฮ และ เครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การดับเพลิงในครั้งนี้เป็นไปด้วยความสะดวก ราบรื่น และสิ้นสุดลงภายในวันนี้ โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้รับบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว ถือเป็นการปิดภารกิจไฟไหม้พร้อมกับส่งมอบหน้าที่ให้ทางผู้อำนวยการท้องถิ่น หรือนายก อบต.นาโคก รับหน้าที่ทางด้านการเฝ้าระวังต่อไป โดยจะมีทางนายก อบจ.สมุทรสาคร พร้อมที่ช่วยสนับสนุนทั้งกำลังคน และกำลังเครื่องจักรเข้ามาเสริม หากมีความจำเป็นต้องใช้ ส่วนทางบริษัทฯ เอง ก็มีการจัดเตรียมคนและรถแบ็กโฮ (คอยาว) ไว้รองรับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย และหลังจากนี้ก็จะเป็นขั้นตอนทางกฎหมายทั้งเรื่องของการตรวจหาสาเหตุที่เกิดขึ้น และการดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่วิทยาการ กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางโทรัด เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม และ ผู้ประกอบการ ส่วนพี่น้องประชาชนที่อาจจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนี้ ก็จะเป็นหน้าที่ของทาง อบต.นาโคก ที่ได้จัดเจ้าหน้าที่ลงไปสำรวจ ตรวจสอบข้อมูลที่ชัดเจน เพื่อนำเข้าสู่ขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือเยียวยาต่อไป

ร้อยตรีประพันธ์ ถึกสกุล นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร ยังกล่าวอีกว่า เหตุการณ์ไฟไหม้ 50 ชั่วโมงนี้ จะนำไปสู่การถอดบทเรียนครั้งสำคัญเพื่อปรับใช้เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับโรงงานอื่นๆ ในอนาคต ทั้งเรื่องของการวางแผนหรือแนวทางปฏิบัติงาน วิธีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าผจญเหตุ การใช้อุปกรณ์เพื่อระงับเหตุ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้ เพื่อนำไปเป็นบทเรียนสอนผู้ปฏิบัติงานทั้งของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงเจ้าหน้าที่ดับเพลิงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ เพื่อให้นำไปใช้จริงเมื่อเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้

และก่อนที่เจ้าหน้าที่ทุกคนจะเดินทางออกจากพื้นที่เกิดเหตุนั้น ทางด้านของผู้บัญชาการเหตุการณ์ และผู้บริหารแผนฯ ยังได้ร่วมกันจัดมอบพระผง “หลวงพ่อสำเร็จ” ให้ทุกคน ๆ ละ 1 องค์ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงานและผู้ที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมกันฝ่าฟันเหตุมาตลอด 50 ชั่วโมงอีกด้วย