เสียหาย 200 ล้าน! ไฟไหม้โรงงานรีไซเคิลกระดาษอัดก้อน คาดใช้เวลากว่า 3 วัน ถึงจะดับสนิท

จากกรณีไฟไหม้กองกระดาษรีไซเคิลที่เก็บกองอยู่ภายนอกอาคาร (กลางแจ้ง) ของ บริษัท คอวิน อินดัสทรี่ จำกัด ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ต.นาโคก อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นโรงงานผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษ เคมีภัณฑ์ และพลาสติก บนเนื้อที่ใช้เก็บกองกว่า 11 ไร่ ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวาน (เวลาประมาณ 17.00 น.) ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ภายใต้การอำนวยการของนายผล ดำธรรม ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ที่ได้มอบหมายให้ ร.ต.ประพันธ์ ถึกสกุล นอภ.เมืองสมุทรสาคร เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ร่วมด้วย ร.ต.ต.สัณฐิติ ธรรมใจ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด

พร้อมกับ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สิทธิโชคธรรม ผกก.สภ.บางโทรัด นายราชศักดิ์ มากสัมพันธ์ นายก อบต.นาโคก นายนพพร พันธ์เพิ่มพูนกูล ผู้จัดการโรงงาน เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทั้งจากในจังหวัด และพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงทั้งจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาระงับเหตุ แต่เนื่องจากข้อจำกัดของพื้นที่ภายในโรงงาน จึงไม่สามารถนำรถดับเพลิงเข้ามาได้ทั้งหมด ต้องให้บางส่วนจอดรออยู่ด้านนอก เพื่อรอสับเปลี่ยนกับรถที่อยู่ด้านใน ขณะที่ในส่วนของแผนปฏิบัติการฯ เพื่อยุติเหตุไฟไหม้กองกระดาษรีไซเคิลครั้งใหญ่นี้

ทางนายอำเภอได้ประชุมร่วมทุกฝ่าย เปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์ในขณะนี้ เพลิงได้ไหม้เต็มพื้นที่แล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมบางส่วนไว้ได้ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีเครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล มาเสริมเพื่อช่วยสูบน้ำจากคลองสาธารณะ ส่งไปยังท่อฉีดน้ำดับเพลิงของรถทุกคันที่จะกระจายอยู่รอบทิศทาง โดยจะใช้วิธีการฉีดน้ำแบบโอบล้อม พร้อมกันนี้จะนำรถแบ็คโฮเข้ามา ขุดคุ้ยกองกระดาษที่ถูกอัดเป็นแท่ง ให้แตกออกจากกัน แล้วฉีดน้ำตามลงไป น้ำจะได้กระจายตัวและลงไปถึงด้านล่าง ทำให้การดับเพลิงได้ตามแผนที่วางไว้

 

 

ทั้งนี้จากการคาดการณ์ของหัวหน้าชุดดับเพลิง คาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 3 วัน ก็จะสามารถดับเพลิงทั้งหมดนี้ให้สงบลงได้ ซึ่งความยากของการดับไฟ คือต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและกำลังของเจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงที่ต้องทำงานกลางแดดที่ร้อนระอุ อีกทั้งยังมีลมพัดมาเป็นระยะๆ และปริมาณน้ำด้วย แต่ถ้าได้น้ำจากคลองสาธารณะเข้ามาเติมแบบไม่มีขีดจำกัด ก็จะทำให้การฉีดน้ำเป็นไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องของพื้นที่ชุมชนด้านนอกโรงงาน ได้สั่งการให้ทาง อบต.นาโคก จัดเจ้าหน้าที่ลงสำรวจผลกระทบที่เกิดกับชาวบ้าน เบื้องต้นมีบ้านเรือนประชาชนอยู่ 3 หลังคาเรือน ที่อาจได้รับผลกระทบในเรื่องของกลิ่นและฝุ่นละออง

โดยเฉพาะเรื่องของฝุ่นที่อาจจะฟุ้งกระจายไปได้ทั่ว ต้องรอการสรุปผลจากทางเจ้าหน้าที่อีกครั้ง แต่เรื่องของมลพิษทางน้ำ ที่ไหลออกจากโรงงาน เชื่อได้ว่าไม่มีผลกระทบกับชาวบ้าน เพราะไม่มีคลองสาธารณะที่ติดกับโรงงาน และกระดาษรีไซเคิลเหล่านี้ก็ไม่ใช่สารเคมี แต่อย่างไรก็จะต้องมอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อม เข้ามาตรวจสอบต่อไป ขณะที่สาเหตุของการเกิดเพลิง ก็ต้องรอให้เจ้าหน้าที่วิทยาการจากกองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบยืนยันความชัดเจนต่อไป

 

 

 

ด้านนายนพพร พันธ์เพิ่มพูนกูล ผู้จัดการโรงงาน เล่าว่า โรงงานแห่งนี้มีเนื้อที่ 48 ไร่ แบ่งเป็นโซนอาคาร 36 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นที่โล่ง ใช้เก็บกองกระดาษรีไซเคิลที่รับซื้อมาจากยุโรป ก่อนจะนำมาคัดแยกแล้วปั่น อัดเป็นก้อนส่งไปขายยังประเทศต่างๆ เพื่อนำไปทำกระดาษประเภทต่างๆ

ส่วนที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ มีกระดาษรีไซเคิลทั้งหมด 26 กองๆละ 1,000 ตัน แต่ละกองก็จะมีกระดาษรีไซเคิลอัดเป็นก้อนๆ ถูกมัดด้วยลวด มีน้ำหนักตั้งแต่ 500–1,000 กิโลกรัม ไฟไหม้ตั้งแต่เมื่อวานเย็น เป็นช่วงที่พนักงานทำโอทีกันภายในตัวโรงงาน ไม่มีใครอยู่ตรงที่เกิดเหตุ แต่มีพนักงานเห็นกลุ่มควันจากตรงกองที่3 นับจากด้านหน้าเข้าไป เลยช่วยกันนำถังดับเพลิงเข้าไปฉีดแล้ว แต่ไม่สามารถดับได้ จึงใช้หัวฉีดน้ำที่ทางบริษัทฯ ได้วางระบบไว้รอบทิศทาง ก็ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้เช่นเดียวกัน เพราะไฟเกิดจากทางด้านล่างของกองกระดาษ ประกอบกับมีลมพัดมาทำให้เปลวเพลิงลุกลามกระจายตัวไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นทางบริษัทฯ จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของ อบต.นาโคก เข้ามาฉีดน้ำ แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมได้อยู่ดี ก็เลยต้องประสานขอรถน้ำดับเพลิงจากหลายพื้นที่เข้ามาช่วย ซึ่งสุดท้ายก็ไม่สามารถดับไฟลงได้ ส่วนมูลค่าความเสียหายคาดว่าไม่ต่ำกว่า 180–200 ล้านบาท อย่างไรก็ตามทางบริษัทฯ ต้องขอขอบคุณกำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ได้มาช่วยกันดับเพลิงในครั้งนี้ ซึ่งทางบริษัทฯ ก็พร้อมสนับสนุนกำลังเสริมทั้งคนและเครื่องอุปโภค บริโภค เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฯ ปฏิบัติงานได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ