ย้ายรองผอ.รร.รับเงินแป๊ะเจี๊ยะมาประจำที่เขตเตรียมตั้งกรรมการสอบสวนเอาผิดวินัย

ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ลงพื้นที่จับกุมรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในอ.เมือง จ.ขอนแก่น เรียกรับเงินจากผู้ปกครองนักเรียนเพื่อรับย้ายนักเรียนระหว่างปีการศึกษา เนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับร้องเรียนจากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ปกครองนักเรียน ว่า รองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่รับสินบนเป็นเงินเพื่อย้ายนักเรียนระหว่างปีการศึกษา โดยมีการแจ้งค่าใช้จ่ายทั้งหมด 20,000 บาท แต่บุตรของตนเองนั้นอ่านออกเขียนได้จึงลดลงเหลือ 10000 บาท และต้องจ่ายเป็นเงินสดเท่านั้น และไม่ได้แจ้งว่าเงินที่บริจาคนั้นบริจาคด้านใดให้กับทางโรงเรียนซึ่งถ้าบริจาคเงินจำนวนนี้จะได้เข้าเรียนที่โรงเรียน โดยได้นำธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 15 ฉบับ รวมเป็นเงิน 15,000 บาท จากผู้เสียหายที่ร้องเรียนมาลงบันทึกประจำวัน ก่อนจะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปมอบให้กับทางรองผู้อำนวยการโรงเรียนตามที่ได้มีการนัดหมาย โดยได้มีการนำเอาธนบัตรจำนวน 10,000 บาท วางไว้ให้รองผู้อำนวยการโรงเรียนตามที่แจ้งไว้ หลังมอบเงินจำนวนดังกล่าวเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจและ ป.ป.ช. จึงได้เข้าไปห้องทำงานส่วนตัวของรองผู้อำนวยการโรงเรียนพร้อมได้แจ้งสิทธิผู้ต้องหาก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาโดยทาง รองผอ.รร.ได้ปฏิเสธและขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 29 เม.ย.2567 ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 พ.ค.2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 1 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น เพื่อขอพบกับ นายอารยันต์ แสงนิกุล ผอ.สพป.ขก.เขต 1 แต่ติดราชการในพื้นที่ต้องไปประเมินโรงเรียนต่างๆตามตารางงานราชการที่กำหนดไว้ ซึ่งจากการสอบถามทราบว่า ภายหลังจากที่ทาง ป.ป.ช. ลงพื้นที่จับกุม รองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่นและปรากฎเป็นข่าวเมื่อวานที่ผ่านมา ภายหลังจากทางเขตทราบเรื่องก็ได้ตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงลงพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูลจากทางโรงเรียนทันทีโดยพบว่าเป็นผู้บริหารในโรงเรียน จึงได้สืบข้อมูลก่อนนำมาประมวลผลว่าการสืบข้อเท็จจริงนั้นมีมูลหรือไม่ หากพบมีมูลก็จะตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาอีกขั้น โดยทุกขั้นตอนต้องเร็วที่สุดเนื่องจากเป็นเรื่องที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ และได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามขั้นตอนแล้ว กระทั่งมีคำสั่งย้าย รอง ผอ.คนดังกล่าว มาประจำสำนักงานเขตการศึกษาเป็นการชั่วคราว เพื่อให้คณะกรรมการสืบสวนและสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความโปร่งใส และเกิดความเป็นธรรม

ซึ่งที่ผ่านมาในส่วนของทางสำนักงานเขตฯ ได้ มีการร่วมมือกันในการป้องกันและป้องปรามอย่างเข้มงวด กับทาง ป.ป.ช. และ ส.ต.ง. และมีการจับกุมแต่ไม่เป็นข่าวมาหลายคนทั้งผู้บริหารและครูในโรงเรียน ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ในส่วนการลงโทษให้ออกหรือไล่ออกนั้น จะต้องรอผลการสอบสวนทางคดีอาญาควบคู่ไปกับการพิจารณาเอาผิดในเรื่องของวินัยด้วย

โดยเบื้องต้นนั้นทราบว่า ได้มีการแจ้งข้อหากับทางรอง ผอ.รร.ที่ถูกกล่าวหารับเงินในคดีอาญาแล้วโดยได้ประกันตัวในวันที่ถูกแจ้งข้อหา ประกอบด้วยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำ หรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำ การหรือไม่กระทำ การอย่างใดในตำ แหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำ คุก ตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี หรือจำ คุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 400,000 บาท หรือประหารชีวิต และ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ