กรณีวันที่ 28 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า จากกรณีเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 27 เม.ย.67 ที่ผ่านมา มีพลเมืองไปพบชายคนหนึ่งเดินจูงจักรยานข้างถนนสายอ.หนองหาน-กุมภวาปี บริเวณบ้านหนองบัวแดง ต.หนองไผ่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี จึงเข้าไปสอบถามทราบว่า ชื่อนายเดชหรืออู๊ด อายุ 50 ปี ชาวบ้านเมืองนาซำ ต.นาไหม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เจ้าตัวบอกเดินเปล่าจากสถานีรถไฟที่กรุงเทพฯ หลังจากถูกโจรล้วงกระเป๋าไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียวและตั๋วรถไฟก็ขโมยไปด้วย จึงเดินเท้าเปล่าเพื่อจะกลับบ้าน พอมาถึงสระบุรีมี รปภ.ใจดีมอบจักรยานให้ปั่นมาบ้านด้วย ก็เดินทางมาเรื่อยๆ ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย.67 จนมีพลเมืองดีมาพบ ต่อมานายวีระพลฯ แอดมินบ้านดุงอัพเดตได้นำรถตู้มารับไปส่งถึงบ้านที่บ้านเมืองนาซำ ต.นาไหม ท่ามกลางความดีใจของญาติๆ แต่ญาติบางคนถึงกับช็อกที่ได้เจอนายเดชหรืออู๊ด หลังจากติดต่อไม่ได้กว่า 20 วัน นึกว่าตายไปแล้ว

 

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ของพี่สาว พบกับนายอู๊ดพร้อมภรรยา มีญาติๆ และเพื่อนบ้านเดินทางมาเยี่ยมถามข่าวคราวถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ว่าเป็นไงมาไง เจ้าตัวมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสก็เล่าบอกว่าถูกล้วงกระเป๋าไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว จึงตัดสินใจเดินเท้าเปล่ากลับบ้าน หลังจากกลับมาถึงบ้านก็ดีใจนึกว่าตายแล้วเกิดใหม่ซะด้วย

 

นายเดชหรืออู๊ด บอกว่า ผมไปทำงานรับจ้างก่อสร้างอยู่ที่บ้านภรรยาที่อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ก็อยากกลับบ้านเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทยมาเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง ก่อนมาภรรยาให้เงินติดตัวมา 1100 บาทนั่งรถโดยสารจาก อ.บ้านแหลม มาถึงสถานีรถไฟ จำไม่ได้ว่าบางเขนหรือบางซื่อ ช่วงเย็นวันที่ 9 เม.ย.67 ซื้อตั๋วรถไฟน่าจะออกประมาณสามทุ่มครึ่ง ก็ไปนอนรอแถวสถานีฯ ก่อนนอนกินข้าวเหนียวส้มตำเกิดง่วงนอนเลยนอนเล่น ตื่นขึ้นมาปรากฏว่ากระเป๋าสตางค์ถูกฉีกทิ้ง ทั้งเงินบัตรประชาชน รวมทั้งตั๋วรถไฟหายไปหมด ตกใจมาก เดินไปหา ตร.แถวนั้นเพื่อขอความช่วยเหลือ ตร.ก็บอกว่า มึงมีปัญญามามึงก็มีปัญญากลับบ้านได้ ผมเห็น ตร.พูดแบบนั้นก็เลยเดินออกมา จึงตัดสินใจเอาไงเอากัน ขอเดินกลับบ้านแล้วกัน ก็เดินมาเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก พอมาถึงสระบุรี ก็เดินไปขอน้ำกินกับพี่ รปภ.คนหนึ่งน่าจะเป็นโรงงานไก่ รปภ.ก็ถามว่าจะไปไหนอย่างไร ผมก็เล่าให้เขาฟัง เขาสงสารก็เลยยกจักรยานให้เลยบอกว่าปั่นกลับบ้านพร้อมให้เงินมาจำนวนหนึ่ง ก็ปั่นมาเรื่อยๆ จักรยานเกิดยางรั่ว เงินก็ไม่มี ก็ได้จากพระที่ออกบิณฑบาต และชาวบ้านที่สงสารให้ ทีละ 10 20 100 เอาไว้ซื้อข้าวกินมาเรื่อยๆ ปกตินอนตามศาลาริมทางกลางวัน กลางคืนค่อยเดินและปั่นจักรยานเพราะอากาศไม่ร้อน ส่วนที่ว่าทำไมไม่แวะตำรวจให้เขาช่วย ตอนนั้นผมมืดไปหมด และเคยไปขอความช่วยเหลือที่สถานีรถไฟแล้วเห็นเขาบอกมามีปัญญามาก็มีปัญญากลับบ้าน เลยไม่กล้าไปขอความช่วยเหลืออีก

 

ตอนแรกว่าจะกลับเพชรบุรี ก็ไม่อยากกลับเพราะภรรยาก็ไม่มีเงิน จึงตัดสินใจต้องกลับบ้านที่อุดร ก่อนเดินมายกมือขึ้นท่วมหัว ยังไงต้องกลับบ้านไปตายเอาดาบหน้า ตอนเดินทั้งเหนื่อยทั้งท้อ คิดในใจหิวต้องแวะวัด นอนข้างศาลา กินผักกระถิน กินน้ำที่เหลือตกอยู่ข้าง ผมคิดเสมอใจว่า ยังไงต้องตายบ้านเกิด แม้ขาเดินไม่ไหว แต่ใจต้องสู้ ผมต้องมาหาพี่สาวและญาติๆ ให้ได้ ดีใจที่ได้กลับมาถึงบ้านแล้ว เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลย ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือทั้งพระ ชาวบ้าน และลุง รปภ.ที่ให้จักรยานปั่นกลับบ้าน ชาตินี้ผมจะไม่ลืมพระคุณเลย ลุงอู๊ดพูดไปก็น้ำตาไหลสะอื้นร้องไห้ออกมา

 

 

 

ลุงอู๊ดเดินเท้า 700 โล โดนล้วงกระเป๋า อึ้งตำรวจพูดใส่หน้า "มึงมีปัญญามาได้ ก็ต้องกลับได้"