จับโกหกแม่ “ไอ้นาย” อยู่กับ “น้องสา” ก่อนถูกลูกชายพาไปฆ่า

ความคืบหน้าล่าสุดในวันนี้ 12 มี.ค.67 ทีมข่าวช่อง 8 ได้เข้าไปหานางละเอียด (นามสมมติ) ซึ่งเป็นแม่ของนายพิทญา (ผู้ต้องหา) โดยช่วงที่ทีมข่าวเข้าไปนั้นพบว่านางละเอียดกำลังจุดธูป 9 ดอก , วางขนม-น้ำหวาน และวางพวงมาลัยดอกมะลิ พร้อมกับพนมมือไหว้แล้วพูดว่า “สาธุ มากินอาหารก่อนนะ กินน้ำกินขนมให้เรียบร้อย ถวายธูปเทียนดอกไม้ให้แล้ว มีหมากพลู 9 คำด้วย สาธุ“ หลังจากนั้นทีมข่าวจึงได้สอบถามนางละเอียดว่ากำลังไหว้อะไรอยู่ นางละเอียดก็ตอบว่า แม่ไหว้พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ สิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของแม่ แม่ขอพรให้ท่านช่วยเปิดทางให้ลูกชายกลับบ้าน แม่อธิษฐานว่า “ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเปิดทางและชี้ทางสว่าง ดลจิตดลใจให้เขากลับมามอบตัว กลับมารับผิดชอบการกระทำของตัวเอง” เพราะถ้าลูกแม่ติดตารางแม่ก็ยังรู้สึกภูมิใจนะ เพราะอย่างน้อยแม่ก็ยังเห็นว่าเขามีชีวิตอยู่ แต่ถ้าหากเขาหายสาบสูญไปแม่ก็จะไม่รู้เลยว่าลูกชายจะเป็นตายร้ายดียังไง ซึ่งแม่เชื่อเต็ม 100% ว่าหลังจากนี้นายพิทญาจะเข้ามอบตัว แต่ถ้าถูกจับแล้วเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรก็คงต้องรอดูกันต่อไป

 

จากนั้นทีมข่าวได้สอบถามถึงประเด็นคราบเลือดในห้องนอน เนื่องจากเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ พฐ. ได้ตรวจค้นเจอคราบเลือดบนฟูกที่นอนของนายพิทญา โดยทีมข่าวได้สอบถามคำเดิมเป็นครั้งที่ 3 ว่าในวันที่ 3 มีนาคม 2567 นางละเอียดได้เห็นหรือได้ยินอะไรบ้างหรือเปล่า ซึ่งในครั้งนี้คำตอบเปลี่ยน เพราะนางละเอียดก็ยอมรับว่าตนไก้ยินเสียงนางสาและนายพิทญาทะเลาะกันตึงตังประมาณ 10 นาที สิ่งที่ได้ยินคือนางสาตะโกนว่า “มึงถอยไป อย่าเข้ามานะ” แต่นางละเอียดนั้นคิดว่าคงจะทะเลาะกันเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา จึงไม่ได้สนใจอะไรและเข้านอนตามปกติ ทีมข่าวก็ได้ถามอีกว่า “ถ้าให้เดา แม่คิดว่าลูกชายจะใช้วิธีไหนในการพาร่างนางสาไปถึงบ่อน้ำ” ด้านนางละเอียดเปิดเผยว่า ตนนั้นไม่ทราบว่าลูกชายจะใช้วิธีไหนในการนำร่างของนางสาไปยังบ่อน้ำ หากตนพูดออกไปก็จะถูกสงสัยอีกว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด เพราะตอนนี้หลายคนก็เพ่งเล็งและสงสัยในตัวตน แต่ถ้าถามว่าระหว่างนางสากับนายพิทญาใครตัวเล็กกว่า นางละเอียดก็บอกว่านายพิทญาตัวเล็กกว่า แต่มองว่าขนาดและร่างกายเขาก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ สุดท้ายก็ยังคงอยากให้ลูกชายกลับมาที่บ้าน อยากให้เรื่องมันจบ ไม่อยากให้เรื่องยืดเยื้อไปมากกว่านี้แล้ว

ช่อง 8 เจอเส้นทางขนศพ ดาว TikTok โยนบ่อในกุฏิร้าง

จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้ทำการทดลองเดินวัดระยะทางจากบริเวณบ้านของนายพิทญาไปจนถึงบ่อน้ำจุดพบศพ โดยจุดแรกจะเป็นบริเวณบ้าน ซึ่งจะเห็นว่าบ้านหรือห้องนอนของนายพิทญานั้นจะถูกต่อเติมเสริมออกมาจากบ้านของนางละเอียด ซึ่งห้องของนายพิทญาจะมีลักษณะเป็นการก่ออิฐบล็อกยกสูงขึ้นมา ไม่ได้มีโครงสร้างที่ซับซ้อนอะไร โดยมีขนาดความสูง 2 เมตร , ขนาดความกว้าง 3 เมตร , ขนาดความยาว 4 เมตร ซึ่งสังเกตได้จากสีของก้อนอิฐบล็อกทั้งสองฝั่งจะมีสีความเข้ม-ซีดที่แตกต่างกัน จากนั้นทีมข่าวได้เดินออกจากบริเวณบ้านของนายพิทญาไปยังบริเวณจุดพบศพ ซึ่งระหว่างทางที่จะนั้นไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไร ในตอนเช้าจะเป็นตลาดสดขนาดย่อม แต่ในเวลากลางคืนในจุดนี้นั้นจะค่อนข้างมืดและเงียบเพราะเป็นบริเวณด้านหลังวัดที่ไม่มีคนภายนอกเข้าไปยุ่มย่าม ซึ่งระยะทางนั้นอยู่ที่ 35-40 เมตรเท่านั้น

 

“น้องสา” ใจพระก่อนตาย พาแม่ “ไอ้นาย” หางานทำ

ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดในวันที่ 2 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 23.00 น. จะเห็นว่าทางด้านของนางละเอียดผู้เป็นแม่ของนายพิทญา (ผู้ต้องหา) นั้นได้เดินอยู่บริเวณแผงขายไก่สด เนื่องจากทางด้านของนางสาได้ทำการแนะนำให้นางละเอียดมาทำงานที่นี่ ด้วยความหวังดีอยากจะให้ครอบครัวของนายพิทญามีงานมีเงินหาเลี้ยงปากท้อง แต่นางละเอียดก็ทำงานได้เพียงแค่ไม่กี่วัน เนื่องจากเขาไม่มีทักษะในการใช้มีด แต่นางสาก็ยังคงพยายามขอให้เจ้าของแผงขายไก่สดหาตำแหน่งอื่นให้นางละเอียด

 

ต่อมาวงจรปิดในตัวเดียวกันสามารถจับภาพของนางสาที่ยืนอยู่บริเวณแผงขายไก่สด โดยภาพดังกล่าวเป็นช่วงเที่ยงคืนย่างเข้าวันที่ 3 มีนาคม 2567 และนี่ก็เป็นภาพสุดท้ายที่สามารถบันทึกนางสาขณะกำลังทำงาน เพราะหลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้ออกไปทำงานที่ร้านขายไก่สดอีกเลย

 

ญาตินายฟันธง มีคนช่วยขนศพทิ้งบ่อ

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนางกุลิสรา อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นย่าของนายพิทญา (ผู้ต้องหา) เผยว่า ก่อนหน้านี้นายพิทญาได้พาแฟนมาแนะนำให้รู้จักซึ่งก็คือ “นางสา” ตลอดเวลาตรงเป้ามองความสัมพันธ์ของคู่นี้ก็เห็นว่าทั้งคู่มักจะมีปัญหาและมีปากเสียงกันอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากนางสานั้นเป็นคนขยันทำมาหากิน นิสัยดี สร้างแต่เสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้าง ผิดกับนายพิทญาที่เป็นคนค่อนข้างก้าวร้าว งานการไม่ยอมทำ เอาแต่เล่นเว็บพนันและเอาแต่ขอเงินจากผู้หญิงใช้ จนครั้งล่าสุดเท่าที่ตนทราบมา นายพิทญานั้นได้แอบขโมยรถซาเล้งของผู้เป็นพ่อเลี้ยงไปจำนำ แต่ก็ได้นางสาวยื่นมือเข้ามาช่วยโดยการให้ยืมเงินจำนวน 20,000 บาทเพื่อไปไถ่รถมาคืนพ่อเลี้ยง แต่หลังจากที่นำรถกลับมาได้แล้วนายพิทญาก็ยังเอารถซาเล้งกลับไปจำนำเป็นรอบที่สอง ทำให้นางสาวนั้นได้มีการทวงถามเงินจำนวน 20,000 บาทคืน ทางด้านนายพิทญาก็ไม่ยอมให้ จนเป็นเหตุผลให้ทั้งคู่ต้องเลิกรากันไปในที่สุด

 

และล่าสุดเมื่อวานนี้ที่ทีมข่าวช่อง 8 ได้เข้าไปเจอศพของนางสา จนนำไปสู่การแฉพฤติกรรมอันโหดร้ายของนายพิทญา โดยนางกุลิสราผู้เป็นย่าของผู้ต้องหา ขอยืนยันว่าจะไม่เข้าข้างคนผิดและมองว่าเรื่องนี้นายพิทญาคงไม่ได้ลงมือคนเดียวเพราะนายพิทญามีรูปร่างที่บอบบางกว่าฝ่ายหญิง จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำการแบกหรือลากร่างของนางสาไปที่บ่อน้ำเพียงลำพัง และตนก็ไม่เชื่อว่านางละเอียด (แม่ของผู้ต้องหา) จะไม่รู้หรือไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากให้ลองนึกดูว่า “จะเป็นไปได้หรือที่คนถูกทำร้ายจะไม่ร้องขอความช่วยเหลืออะไรเลย” สุดท้ายแล้วตนก็อยากขอโทษครอบครัวของนางสา ตนก็ไม่เคยคาดคิดว่าเหตุการณ์จะมาถึงจุดนี้ได้ ไม่คิดเลยว่าหลานชายจะกล้าฆ่าคนอย่างอำมหิตแบบนี้ ตนขออโหสิกรรมและขอให้นางสาไปสู่ภพภูมิที่ดี

 

บรรยากาศรับศพและเชิญวิญญาณของนางสา

จากนั้นในช่วงบ่ายวันนี้ (12 มี.ค.67) เจ้าหน้าที่มูลนิธิมหากุศลใต้เต็กเซี่ยงตึ๊ง ได้นำร่างของนางสามาส่งให้กับญาติที่วัดบุญนารอบ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยที่มีการห่อร่างของผู้เสียชีวิตมาอย่างมิดชิดแล้วก็ทำการบรรจุลงโลงเย็นในทันที ซึ่งในวัดก็มีเพียงแค่ญาติและเพื่อนสนิทไม่กี่คนที่เดินทางนั่งอยู่ภายในศาลา โดยที่ทุกคนก็อยู่ในท่าทีเงียบสงบคล้ายกับว่าพูดไม่ออกกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

ต่อมาทางด้านญาติก็ได้มีการนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 2 รูป ไปยังบริเวณบ่อน้ำร้างจุดพบศพ เพื่อทำการเชิญดวงวิญญาณให้ออกจากที่ดังกล่าว ลักษณะคือมีการวาดรูปคนลงบนกระดาษสีขาวและเขียนชื่อของนางสาอยู่ที่ตัวคน พร้อมกับมีการนำเชือกขาว ธูปเทียน ไปไหว้บอกกว่าบริเวณดังกล่าว ซึ่งพระสงฆ์ก็มีการสวดและบริกรรมคาถาอันเชิญดวงวิญญาณของนางสาให้ออกจากจุดดังกล่าวและให้ติดตามกลับไปพร้อมญาติ บางช่วงบางตอนญาติ ๆ ก็ได้ทำการเคาะท้ายรถกระบะพร้อมกับพูดว่า “ไปสา กลับไปที่วัดบุญนารอบ ไม่ต้องอยู่ที่นี่หรอก”

จับโกหกแม่ "ไอ้นาย" อยู่กับ "น้องสา" ก่อนถูกฆ่า "พุทธ" จับพิรุธขนศพผ่านห้องแม่?